Monday 14 July 2008

Punishment

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี เป็นสำนวนไทยแต่โบราณที่ยึดถือใช้กันมาในสังคมไทย ไม่เฉพาะกับในครอบครัวเท่านั้น แต่ค่านิยมนี้มันยังแผ่กระสานซ่านเซ็น ไปยังในสถาบันการศึกษาอีกด้วย


ในชีวิตผมการถูกลงโทษในสถาบันการศึกษาเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ผมไม่เคยลืมเลยโดยเฉพาะการถูกลงโทษโดยการตีด้วยไม้เรียวในวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นต้นมา


ชีวิตการถูกตีในรายวิชาภาษาอังกฤษของผม เริ่มต้นจากการที่ผมตัดสินใจเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ เมื่อตอนอยู่ชั้น ป.5 เนื่องจากการเป็นเด็กต่างจังหวัด ดังนั้นโอกาสในการศึกษาย่อมลดหลั่นกันไปตามระยะห่างจากเมืองหลวงของประเทศ ในสมัยนั้นเด็กต่างจังหวัดจะเริ่มได้เรียนภาษาอังกฤษก็เมื่ออยู่ชั้น ป.5 เป็นปีแรก ก็คือรายวิชา "English is Fun" แต่ผมดันตัดสินใจมาเรียนกรุงเทพฯตอน ป.5 ดังนั้นหายนะจึงมาเยือนแล้ว........................


ที่โรงเรียนนักเรียนที่ผมมาเข้าเรียน นักเรียนส่วนใหญ่จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาล มาถึงป.5 ไม่ต้องพูดเลยเรื่องการท่อง A ถึง Z หรือการเขียนตัวพิมพ์เล็ก (abcdef...) หรือตัวพิมพ์ใหญ่ (ABCDEFG...) แต่โผล่เข้ามาชาวบ้านเขาก็เขียนตัวเขียนกันแล้ว อย่าว่ากันเลย ในชีวิตตอนนั้นยังไม่รู้จักตัวเขียนเลยด้วยซ้ำว่าเขาเขียนกันยังไง แค่นี้ก็เข้าองค์ประกอบแล้วครับ


ทุกชั่วโมงภาษาอังกฤษ นักเรียนที่ตอบผิดหรือทำไม่ได้จะต้องถูกตีตีตีตีตีตีๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียว แล้วการตีแต่ละครั้งจะถูกบันทึกลงใน"สมุดแจ้งโทษ" (ซึ่งจนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าการไม่รู้ภาษาอังกฤษมันเป็นความผิดขนาดนั้นเชียวหรือ)


ผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า รายงานการแจ้งโทษของผมยังคงมีการนับคะแนนอยู่อย่างต่อเนื่อง จากหลักหน่วย เป็นหลักสิบ ไปสู่หลักร้อย...... ไม่ผิดครับเดือนๆ นึงเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน โดยเฉลี่ยโดนตีวันละ 4-5 ที เดือนนึงก็ 100 แล้ว


จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นสองปี กระทั่งผมจบ ม.6 คาดว่าไม้เรียวกว่า 1,000 ที โดนตีเข้าที่ก้นผม เพียงเพื่อให้ผมรู้สึกผิดที่ผมไม่รู้ภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมตั้งใจไว้ว่า ผมจะไม่ให้ภาษาอังกฤษมาเป็นอุปสรรคในชีวิตของผมอีกต่อไป


นี่แหละที่ว่ารักวัวให้ผูก รักลูกศิษย์ก็ให้ตี อย่างน้อยผมก็ดีใจที่วัฒนธรรมเหล่านี้ได้จางไปแล้วในปัจจุบัน


K-Jay

No comments: