Friday 28 November 2008

Whose bananas?: the monkey's food

กินผลไม่ที่นี่มามาก ผลไม้ส่วนใหญ่ที่วางขายที่นี่ ง่ายสุดก็คือแอ๊บเปิ้ล สิม กีวี่ องุ่น ลูกแพร และกล้วยหอม



โอ้ยที่พอไหวก็คือ แอ๊บเปิ้ล กะส้มแหละ ง่ายสุด




และแล้ววันนี้ก็ได้เจอกล้วยที่ไม่ใช่กล้วยหอม




เออ ลิมไปผมน่ะไม่ชอบกินกล้วยหอมไง ก็เลยไม่เคยกินที่นี่ กินที่ไรกลิ่นมันพาผมปวดหัวทุกทีไป




มาต่อว่าพอดีวันนี้ไปเจอกล้วย มันไม่ใช่กล้วยน้ำว้า ไม่ใช่กล้วยไข่ มันคล้ายๆ ลูกผสม ก็เลยว่าคงเป็นกล้วยใครว๊ะ (มาจากไข่ + ว้า) ขายถุงละ 4-5 ลูก ราคา 4 โครน ถ้าซื้อ 3 ถุง ก็ 10 โครน ผมก็เลยซื้อมา 3 ถุง
รสชาดก็ใช้ได้ครับ มันใครว้า มากๆ เพราะผมผสมกันจริงๆ ระหว่าน้ำว้ากะไข่ แต่ที่แน่ๆ กล้วยนี้มันอิมพอร์ตมาจากประเทศ Costa Rica เชียวนะ

Skin head

และแล้วผมก็ตัดสินใจกับการจัดการทรงผมของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมตัดสินใจไปซื้อทริมเมอร์ หรือปัตตาเลี่ยนที่สามารถปรับระดับความยาวของเส้นผมที่จะให้เหลือได้ สำหรับตัดสกินเฮดน่ะมาตัวหนึ่ง หมดเงินไป 199 โครน เอาน่ายังไงก็ยังถูกกว่าไปตัดหัวละ 250 โครน


ว่าแล้วกลับมาก็บรรจงปรับระดับไถทริมเมอร์ไปทั่วหัว ผมจำนวนมาก็ถูกตัดตกลงมาก้อนแล้วก่อนเล่า เล่นเอาใจแป้วเหมือนกัน ที่ถ้าไม่ติดว่าเคยตัดสกินเฮดมาบ้างตอนอยู่เมืองไทยนะ มีน้ำตาเล็ดตกใจทีเดียว


เอาเป็นว่าตอนนี้ไถเสร็จเรียบร้อยแล้ว


บทสรุปน่าพอใจนะ แต่ไม่ลงรูปหรอก เดี๋ยวเพื่อน ๆจะตกใจ

Bean sprouts

เคยเขียนไปครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ว่า ผมน่ะได้ตัดสอนใจในการซื้อถั่วเขียว เพื่อนำมาปลูกเป็นถั่วงอก เอามาประกอบอาหารกิน เพราะที่นี่ราคาถั่วงอกแพงมากๆ



และแล้ววันนี้ก็ประสบความสำเร็จเสียที เวลากว่าอาทิตย์ที่ผมเฝ้าประคบประหงบให้ถั่วงอกโตขึ่นมา กระทั่งเอามาทำอาหารกินได้ ก็เลยไม่พลาดที่จะบันทึกเรื่องราวไว้สักหน่อย



ภาพแรกนี้ก็คือสภาพของถั่วเขียวในขณะที่เริ่มเพาะพันธุ์ ดูแล้วนึกถึงสมัยเด็กที่ชอบเพาะถั่วงอกเล่น เพราะบ้านตรงข้ามผมตอนสมัยนั้นเป็นร้านขายพันธุ์ไม้ ถั่วต่างๆ ปุ๋ย ผมเลยชอบไปหยิบถั่วมาเพาะเล่นน่ะ


ไม่นึกเลยว่าการชอบเล่นครั้งนั้นจะสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อมาในอนาคตได้



บางทีคนก็สงสัยว่าผมปลูกลงดินเหรอ ไม่เลยผมปลูกลงบนกระดาศทิชชูนี่แหละ เอาเป็นว่าตอนเด็กเล่มมายังไง ตอนโตก็เอาแบบนั้นแหละมาทำ เพราะเท่าที่ทราบมาเนี่ยะ ถั่วงอกมันไม่ต้องอาศัยดินหรอก ขอให้มีน้ำหน่อย อย่างน้อย ผมว่าทิชชูก็ช่วยให้รากถั่วสามารถหยั่ง เพื่อตั้งลำต้นขึ้นมาได้แหละ


ในภาพนี้ก็ผ่านไปสัก 4-5 วันแล้วรากงอก บ้างก็ลำต้นเริ่มยาวแล้ว


และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ผมได้เก็บถั่วงอกมา เด็ดรากและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ดูน่ากินไหมเนี่ยะ


แต่สังเกตุว่าลำต้นมันไม่อวบเท่าที่ควรเท่านั้น




และแล้วผัดถั่วงอกก็ถูกปรุงขึ้นมาจนสำเร็จ และแล้วผมก็ได้กินผัดถั่วงอกเสียที หลังจากที่อดใจรอมานานกว่าอาทิตย์


จากภาพเนี่ยะ น่ากินไหม







แต่ความลับอย่างนึงคือ สถานที่ที่ปลูกน่ะ ที่ไหน อิอิ ไม่อยากบอกเลย ก็ในห้องน้ำไง ไงรู้แล้วยังน่ากินอยู่ป่ะ แต่กับผมมันไม่มีปัญหา เพราะสวาปามไปหมดแล้ว อิ่มเลย แถมยังเหลือที่จะเก็บอีกสองวันเพื่อไปทำก๋วยเตี๋ยวน้ำกินอีก หึหึ




เคเจ

Tuesday 25 November 2008

Kiruna: Disappointment

เขาว่ามาถึงที่สวีเดนทั้งที่แล้ว ครั้งหนึ่งคงต้องไม่พลาดไปดูแสงเหนือ หรือแสงอารอร่า ที่เมืองคิรูน่า ที่ Lapland บริเวณตอนบนสุดของสวีเดนสักครั้ง ที่นี่คิอที่ไหน ก็เป็นบ้านของซานตาครอส กะ ราชินีหิมะน่ะ คากว่าคงเคยได้ยินกันมาบ้างนะครับ



แต่การเดินทางไปที่นั่นไม่ง่ายหรอก ถ้าไม่นั่งเครื่องบินก็ต้องอาศัยรถไฟไปกลับ ขาละไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมง ราคาก็ตกเที่ยวละเกือบพันโครนที่เดียว



แต่ผมพบว่ามันมีโปรโมชั่นตอนมกราคม ไปกลับรถไปตก 130 โครนเอง แต่รู้ช้าไปหน่อย ที่มันก็เลยเต็ม เอาเป็นว่าอดไปแล้ว เอาน่า ปีหน้าไม่พลาดแน่ และถ้าได้ไป ผมคงไม่พลาดมาเล่าให้ฟังแน่ๆ

Lund University in Winter (?)

อย่างที่เคยบอกว่าตอนนี้น่ะ มันเป็นฤดูใบไม่ร่วง แต่มำไงได้ หิมะมันตกมาซะแล้ว วันนี้ได้มีโอกาสไปเดินเล่น เลยเอาภาพเมืองลุนด์ในยามที่ปกคลุดด้วยหิมะมาให้ดูกันครับ











Slider

ในยามที่หิมะตกเนี่ยะใครว่ามันน่ารื่นรมย์ ผมว่าไม่นะ


โดยเฉพาะช่วงนี้ หิมะที่ตกค้างอยู่ตามทางเนี่ยะมันถูกกดอัดจากรอยเท้าและรอยจักรยานจนกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว



ได้ที่สำคัญคือมันลื่นมาก แทบจะสไลด์เท้าประหนึ่งติดสเก็ต เดินทีนึงนะต้องจิกเท้ากันสุดฤทธิ์ คิดสภาพแต่งตัวก็ซะหนามากมาย เดินก็จิกเท้าอีก ทุกวันปกติเดินไปซื้อของที่ Netto ใกล้หอ เป็นว่าเล่น แต่วันนี้เดินไปทีนึงกลับมาปวดปลีน่องเลย เหอเหอ


ดีนะ ไม่ได้ไปวัดถนนในสวีเดน

Monday 24 November 2008

Bean sprouts 1

อยู่ที่นี่มาหลายเดือน อยากกินผักอยู่หนึ่งอย่าง แต่ว่าแพงมากเลยที่นี่ ก็คือ ถั่วงอก


คิดมานานหลายครั้งว่าอยากจะกินสักที ทำไงดี


ว่าแล้ววันนี้ก็สรุปรวบยอดได้แล่วว่า ไหนๆ มันก็แพงแล้ว เอาเป็นว่าปลูกมันเองเสียเลยแล้วกัน


ว่าแล่ววันนี้ก็ได้ไปซื้อถั่วเขียวมา เตรียมอุปกรณ์เล็กน้อยตามมีตามเกิด ก็คือทิชชูกะ ถุงก๊อปแก๊บ อิอิอิ


เอาเป็นว่าเริ่มปลูกวันนี้ เก็บกินได้วันไหนจะมาบอกเล่ากันนะ

Barber

นี่ถ้าอยู่เมืองไทย ตอนนี้ก็คงต้องนั่งคิดแล้วหละ ว่าได้เวลาที่ควรตัดผมเสียที เพราะรำคาญมากแล้ว แต่อยู่ที่นี่ทำไงดี จะเข้าร้านสักทีก็ราคา 250 โครนเชียนนะ ก็ราวๆ 900 บาทได้


นั่งสะระตะมาหลายวันว่าทำอย่างไรดี ระหว่างเอากรรไกรตัดมันเองเลย ไปซื้อทริมเมอร์มาตัดสกินเฮด หรือรอให้ที่บ้านฝากปัตตาเลี่ยนมาให้ดี


แต่จนแล้วจนรอดตอนนี้คิดได้แล้วว่าเอาเป็นว่าตัดเองดีกว่า



ว่าแล้วไม่รอช้าจัดการเอากรรไกรเท่าที่หาได้ ตัดผมออกไปหน่อย ทั้งข้างหน้า ข้างๆ ด้านบน แต่จนแล้วจนรอดก็จนปัญญาในการที่จะส่องไปตัดข้างหลัง


คงทำได้เพียงคลำๆ ไปมา ก็เอาน่า แค่นี้ก็ยังดี


ว่าไปเนี่ยะ ถือเป็นการตัดผมตัวเองครั้งแรกนะที่เอาแบบจริงๆจัง ตัดออกไปเสียเยอะน่ะ


ดูไปดูมาก็ไม่ได้ขี้เหร่มากมาย พอดูได้แล้วกัน


เคเจ

Snow woman

พอหิมะตก กิจกรรมสำคัญของผู้คลั่งใคล้หิมะก็คือการปั้นตุ๊กตาหิมะ



แต่สำหรับผมมันหนาว แล้วก็ไม่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เสียด้วยก็เลยอดปั้นไปตามระเบียบ หึหึหึ




งานนี้แม้ว่าไม่ได้ปั้นเอง แต่พอมีโอกาสเดินออกไปข้างนอกบ้านบ้างก็เลยเอารูปมาฝาก

แต่จากภาพคาดว่าน่าจะเป็น Snow womwn มากกว่าเพราะเป็นหญิงสาว ตอนแรกดูนึกว่าเขาปั้นเป็นเมอร์เมดซะอีก พอนึกได้ว่านี่ไม่ใช่เดนมาร์กก็เลยคิดว่า อืม คงเป็นสโนว์วูแมนน่ะ



เคเจ

Snow white

หิมะ ใครๆ ก็มักว่ากันว่า มันขาว สะอาด นุ่ม น่าจับต้อง ...... เหอเหอเหอ


ที่นี่หิมะตกมาหลายวัน หิมะที่น่าจะสวยงาม ขาวสะอาด ได้แปรสภาพไปแล้ว สโนว์ไวท์ กลายเป็นสโนว์แบล็กไปเป็นที่เรียบร้อย










ทั้งนี้เนื่องจากสภาพของน้ำแข็งที่ละลายออก ผสมกับบรรดาฝุ่น สิ่งสกปรกทั้งหลายที่อยู่ใต้หิมพอันขาวปลอด สภาพหิมะตอนนี้ไม่ต่างจากสภาพน้ำที่เฉอะแฉะในตลาดสดทีเดียว








สวยงามมาก


เคเจ

Friday 21 November 2008

First snow in Lund

และแล้วหิมะก็ตก



เอาเข้าจริงเท่าที่ทราบมาหน้าหนาวที่ลุนด์มันจะประมาณมกราคม กุมภาพันธ์ แต่ไหงปีนี้มันเร็วขนาดนี้ นี่เพิ่งเดือนพฤศจิกายนเองนะเนี่ยะ


อากาศที่ขึ้นๆ ลงๆ ที่นี่ แกว่งไปมา หลายรอบแล้ว แล้ววันนี้อากาศก็ติดลบ หิมะก็ตก



เอาเป็นว่าอย่างน้องหิมะแรกของผนที่ลุนด์ ก็เดินทางมาถึงแล้วครับ ส่วนเรื่องรูปภาพทั้งหลาย รอก่อนนะครับ เดี๋ยวถ่ายไปฝากแน่นอนครับ


เคเจ

Snow Troops

ข่าวเร็ว ฉับไว รายงานเร็ว K-Jay's news ประจำวันที่ 21 November 2008


เคเจโวลั่น...... หิมะป่าเถือนบุกเมืองลุนด์ อย่างเกินความคาดหมาย ส่วนชาวเมืองเตรียมความพร้อมรับมือเต็มที่








วันนี้เวลา 9.00 น. กลุ่มกองกำลัง Snow Band นำโดยนายพล Snow flake ได้บุกเข้ายึดเมืองลุนด์ เมืองหน้าด่านของประเทศสวีเดนไว้ได้อย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่กองกำลัง พลเมืองชาวลุนด์จะต่านรับได้ทัน


สำนักข่าวกรองรายงานว่า "ทางเราได้รับข่าวตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ว่ากองทัพหิมะกำลังจะบุกเข้าเมืองลุนด์ในช่วงสัปดาห์นี้ แต่ทางเราคาดการณ์ว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะกองทัพสายฝนที่เข้ายึดที่มั่นในลุนด์มากว่า 2 เดือนยังคงตั้งกองกำลังปฏิบัติการอยู่ในลุนด์อยู่" เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองให้สัมภาษณ์


บรรดาผูสันทัดกรณีให้ความเห็นว่า "เป็นการยากที่จะทราบล่วงหน้าได้ว่ากองกำลังหิมะจะเข้ามาเมื่อใด ดังนั้นรัฐบาลเมืองลุนด์จึงได้แต่เพียงประชาสัมพันธ์ให้ชาวเมืองเตรียมพร้อมรับการจู่โจมอยู่ตลอดเวลา" ผู้สันทัดกรณีกล่าวในที่สุด

Monday 17 November 2008

Freezing again

อากาศที่นี่อย่าไปใส่ใจมาก เพราะมันแกว่งไปมา ไม่อยู่กับร่องกัยรอยเลย เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝน


เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอากาศกำลังดี 7-9 องศา แต่มีฝนก็เลยเฉอะแฉะ



มาวันนี้ต้นอาทิตย์แล้ว เมื่อเช้าตื่นขึ้มารู้สึกหนาวๆ ก็เลยเดินไปดูอุณหภูมิเสียหน่อยว่าทำไมรู้สึกหนาวๆ ชอบกล



ที่ไหนได้ แอบตกใจเล็กน้อย เมื่อวานนี้ดูยัง 7-8 องศาอยู่เลย



เมื่อเช้าเวลา 8 โมงกว่าๆ อุณหภูมิ -1 องศา งงอะเกน อะไรเนี่ยะ ?????

Loy Kratong Festival in Sweden

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2008 ขึ้นที่วัดสังฆบารมี ในเมืองเอสเหลิฟ ผมก็เลยไม่พลาดที่จะไปร่วมงาน แล้วเอามาเล่าให้ทุกคนฟังกัน



งานวันนี้เริ่มขึ้นตอนบ่ายสอง เพราะที่นี่ตอนนี้สี่โมงเย็นก็มืดตื๋อแล้ว เริ่มด้วยการแสดงต่างๆ ทั้งรำ เต้น ฟ้อน ร้องเพลง มากมาย



กว่าจะเข้าพิธีการหน่อยก็คือการประกวดนางนพมาศทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ ก็สนุกสนานกันไป



ในภาพนี้ก็คือการประกวดนางนพมาศรุ่นเล็ก ดูจากภาพ น้องผู้เข้าประกวดก็เต็มที่ แขนหักแขนซ้น ไม่สนใส่เฝือกมาประกวดกันเลยทีเดียว



ผมนั่งชมงานแล้วก็ไม่ลืมที่จะช็อบเอาน้ำจิ้มสุกี้ วุ้นเส้น พริกขี้หนู และน้ำปลากลับบ้านตามเคย อิอิ


Tuesday 11 November 2008

Malmö (End)

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ผมเดินทางมาถึง Möllevångstorget แล้ว เป้าหมายต่อไปคือการซื้อของในร้านเอเชี่ยน พลันตาก็ไปเจอเอาร้านเอเชี่ยนแล้ว อยู่ด้านหลังสแควร์ ไม่รอรีรีบเข้าไปทันทีครับ

















ในร้านมีของขายมากมายครับ สินค้าจากเมืองไทยมีมากทีเดียว แถมราคาก็ไม่แพงด้วย ผมก็เลยได้ของกลับบ้านเยอะมากทั้ง เต้าเจี้ยว น้ำหวาน มาม่า เส้นก๋วยเตี๋ยว ใบกระเพรา น้ำพริกเผา ไวตามิลค์ พริกแกงส้ม หมดไปแล้ว 200 โครน อิอิ เต็มที่ซะละ







จากนั้นก็เดินกลับมายังสถานีรถไฟเพื่อนั่งกลับมาลุนด์ เลยเอารูปมาให้ดูกันว่า รถไฟที่นี่เขาจะมีถุงขยะติดไว้ที่ด้านข้าง ถ้าเรามีขยะก็ใส่ไป พอรถจอดเจ้าหน้าที่ก็จะมาเด็ดไปทิ้งน่ะครับ ดีนะ บนรถเขาเลยสะอาดมาก ไม่มีขยะเลย




เอาเป็นว่าด้วยเหตุที่ซื้อของเยอะเกิน แล้วอากาศก็ดูว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะมา ผมเลยไม่ได้ไปเดินเที่ยวอะไรเลย ไว้เดี๋ยวจะไปใหม่อีกรอบแล้วกัน แล้วเที่ยวที่ไหนจะมาเล่าให้ฟังครับ

Malmö (1)

เมื่อวานนี้สบโอกาส อย่างน้อยมีเวลาพักสามสี่วัน ก่อนที่จะต้องมาเริ่มการเรียนในรายวิชาต่อไป ผมก็เลยตัดสินใจเดินทางไปยังเมือง Malmö (มาลเม่อ หรือถ้าจะอ่านจริงจังเลยก็ว่า หม่านเมอะ) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของลุนด์ เพื่อเดินเล่นแล้วก็แวะซื้อของกินที่ร้ายเอเชี่ยนที่มาลเม่อ (เขาว่ามันไม่แพงน่ะ)


ตื่นมาตอนเช้ากะว่าทริปนี้ล่มแน่ เพราะอากาศเป็นใจสุดๆ ฝนตกตั้งแต่เช้า แถมตกเสียแรงเลย ก็กะว่าคงพลาดแน่ แต่สัก 11 โมงฝนก็หยุด ผมก็เลยต้องรีบออกเดินทางไปมาลเม่อ อย่างเร็วรี่ก่อนที่ฝนห่าใหม่จะตกลงมา


การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปมาลเม่อครั้งแรกของผม ใครที่นี่พอรู้ก็ตกใจเสียยกใหญ่ว่ามาตั้งนานเกือบ 3 เดือนทำมั๊ยทำไม ไม่เคยไปมาลเม่อ (ก็เดินทางมาครั้งนึงมันถูกซะที่ไหน ไปกลับค่ารถไปกว่าหกสิบโรน ก็เกือบ 300 บาทเชียวนะ ถ้าไม่มีธุระมากจริงคงไปบ่อบ ไม่ไหว เสียดายเงินน่ะ) ดังนั้นพอครั้งนี้ตัดสินใจไป เพื่อนๆ น้องๆ ก็ติดธุระกันหมด ผมเลยต้องฉายเดี่ยวตะลุยมาลเม่ออีกแล้ว แถมร้านขายของอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าแถวนั้นมันเรียกว่า Möllevången (อ่านว่า เมิน-เล-วอง-เก๊น) มี Square ชื่อว่า Möllevångstorget ก็เอาน่ากางแผนที่ไปเอา


ผมรีบจ้ำอ้าวจากที่พักที่ Vildanden (วิลดานเดน หรือที่อ่านว่า หวิ่ว-ด่าน-เด๊น) ไปยัง Lund Central Station (Lund C) เพื่อจับรถไฟไป Malmö Central Station (Malmö C) ตอนแรกก็ไปคิดหนักอยู่หน้าตู้ขายตั๋ว ไปดี ไม่ไปดี เพราะมันแพ๊ง เอาค่ารถไปมาจ่ายซื้อซอสที่ลุนด์มันจะคุ้มกว่ามั๊ย แต่ในที่สุดก็กลั้นใจกดตั๋วเลย (อึ๊บบบบ.........................)



เวลาไม่นานรถไฟก็มาจอดที่ มาลเม่อเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ต้องรีบลงเดินทางย่ำต๊อกต่อไป








อย่างที่เคยเล่าไปว่าที่นี่คนเขานิยมที่จะเดินทางด้วยรถไฟ ดังนั้นผู้คนจะขี่จักรยานมาจอดไว้ที่สถานีรถไฟ แล้วก็ขึ้นรถไฟไปเรียน ไปทำงานที่เมืองอื่น ๆ ดังนั้นที่จอดจักรยนาที่นี่จึงเต็มไปด้วยรถจักรยานมากมาย







จากสถานีรถไฟผมเดินไปไม่ไกลก็ถึงโบสถ์ของเมือง ซึ่งมันมีหลายโบสถ์ แต่โบสน์นี่น่ะเขาเรียกว่า Petrikyrka








นี่เป็นสภาพการจราจรภายในเมือง มาลเม่อ
ผมเดินจนขาขวิด อ้อมไปมาเพื่อจะไปยังร้านขายของเอเชี่ยนให้ได้








กว่าสี่สิบนาที ผมก็เดือนทางมาถึงอนุสาวรีย์ที่สแควร์นามว่า Möllevångstorget (อ่านไงดี เมิน-เล-วอง-สตอ-เหย็ด) ถึงซะที เล่นอาเมื่อยเลยอ่ะ

Sunday 9 November 2008

Autumn





เคยเขียนเล่าเกี่ยวกับฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว เมื่อตอนที่เข้าฤดูใบไม้ร่วง นี่ก็ผ่านเข้ามาได้เดือนกว่าๆ ใบไม้ไม่มีให่ร่วงอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เกินไปไหนก็จะเห็นแต่ต้นไม้ แต่ไม่มีใบ ก็สวยไปอีกแบบ








แต่อีกอย่างที่พอใกล้ฤดูหนาวมันก็จะเกิดก็คิอ อากาศที่วันมันลั้นลง เดี๋ยวนี้สี่โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว วันก่อนเดินออกไปปาร์ตี้ตอนห้าโมงเย็นเลยถ้ายภาพมาให้ดูว่าในเมืองตอน 5 โมงเย็น ที่ว่ามืดน่ะ มันประมาณไหนกัน

Thai corridor party

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากผ่านการสอบมาเสร็จเรียบร้อย ก็ได้ไปร่วมงาน ปาร์ตี้ ครับ แต่ที่แปลกๆไปคือ งานนี้เป็นปาร์ตี้ของเด็กไทยกันเองจัดชื่อ Thai Corridor Party จัดขึ้นที่หอที่ Delphi



ตอนแรกก็นึกว่าเป็นงานเด็กไทยปาร์ตี้กัน อ่อสรุปไม่ใช่ เพราะบรรดาแขกก็เป็น นักศึกษา หลายเชื้อชาติด้วยกัน







ด้วยสถานที่ที่ไม่ใหญ่มาก คนก็เยอะมาก มันก็เลย ประหนึ่งอยู่ในผับดีๆ นี่เอง









แต่ผมก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะว่าง่วงมาก เลยเอารูปมาฝากกัน ว่าปาร์ตี้นี้ คนมันเยอะอ่ะ แน่นเลย

Friday 7 November 2008

48 hrs in Hell at Lund (End)

ยังไม่รู้สึกรู้สา ยังมีหน้ามานั่วปาร์ตัชี้อีก พรุ่งนี้ก็จะสอบแล้ว หลายคนคงคิดว่าผมในใจ


แหมมันเป็นมารยาทน่ะครับ ทำงานร่วมกันมาสองเดือนกว่า ด่ากันบ้าง โมโหกันบ้าง เขม่นกันบ้าง ก็มานั่งคุยจิ๊จ๊ะสานสัมพันธ์กันหน่อย ก็ไม่ได้นานอะไร ประมาณไม่ถึงสองชั่วโมงครับ


และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง


เมื่อคืน ผมก็ยังงงไม่รู้จะเริ่มอ่านหนังสือตรงไหนดี ก็อ่านเจาะไปเท่าที่คิดว่าสำคัญๆ ก็แล้วกัน


เช้าขึ้นมาก่อนบ่าย โมง ยังคงกินข้าวอย่างสบายอารมณ์ แถมตบท้ายประหนึ่งมีญาณทิพย์ ไปช็อปปิ้งครับ หาซื้อของกินมาเยอะแยะ...........


นั่งรอมาหน้าคอมมาเกือบชั่วโมง ข้อสอบก็ออนไลน์ รีบอ่านสิครับ............


ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ข้อสอบออกมาอย่างนี้ก็ตายสิครับทุกคน ถามว่าสามข้อเยอะมั๊ย ตอบว่าไม่เยอะ แต่ถามว่ายากมั๊ย ตอบว่า โค-ตะ-ระ-ยากกกกกส์


พออ่านจ้อสรอบเสร็จขอทำใจหนึ่งอึดว่า "ข้าพเจ้าคิดผิดหรือเปล่านี่ ที่มาเรียน แต่ว่าไปว่ามา ข้าพเจ้าก็ไม่เคยไปก่อกรรมทำเค็ญให้ใครต้องลำบากนี่น่า แล้วใย แล้วใย???????????.................."


ก่อนจะเริ่มลงมือ ก็ต้องตีโจทย์ก่อน สามข้อตีไปเกือบชั่วโมง จนโทรย์แบนแล้ว ก็ยังตีไม่ออก ตีไปได้สามสิบ % ได้มั๊ง ก็นั่งตีความโจทย์ต่อไปอีกเป็นชั่วโมง กว่าพอเริ่มจะจับแนวทางได้ว่าจะตอบอย่างไรดี


จากนั้นปฏิบัตการล่าฝัน Academy Fantasia ของผมก็เริ่มขึ้น หนังสือถูกจัดหามาอย่างเต็มที่ 3 เล่ม เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้เอามา มีแต่เล่มหลัก กะยืมมาจากห้องสมุด เอกสารทั้งหลายแหล่ ถูกขุดคุ้ยออกมาอย่างกระจัดกระจาย

  • 1 2 3 ชั่วโมง ผ่านไปเริ่มเหนื่อย..........
  • 4 5 6 7 8 ชั่วโมงผ่านไป เริ่มปวดหัว................
  • 9 10 11 12 13 14 ชั่วโมงผ่านไป เริ่มปวดหลัวปวดคอ เมื่อยมาก
  • 15 ชั่วโมงผ่านไป ตาเริ่มล้า สู้แสงไม่ได้
  • 16 17 18 นอนพักสักนิด จิตแจ่มใส
  • 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 ชั่วโมงผ่านไป สุดเหนื่อย เพราะตะลุยยาวมาเกือบสิบแปดชั่วโมง
  • 3 7 เริ่มอ่อนแรงแล้วล้ามาก ตาโหล หลับไปเลย
  • 38 39 40 41 42 43 นอนไปตั้งหก ชั่วโมงแน่ะ ตายๆๆๆๆๆ
  • 44 45 รีบปั่นอย่างเร็วรี่
  • 46 47 ตรวจทานอีกที
  • 48 ส่งแล้วน๊ะ


นี่แหละนรกดีๆ นี่เอง

เคเจ

48 hrs in Hell at Lund (1)

จั่วหัวขึ้นมาให้ดูตกใจซะหน่อย ว่าผมไปตกนรกหมกไหม้ที่ลุนด์ได้ไงมา 48 ชั่วโมง


ที่ว่าตกนรกนี่ก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอกครับ มันก็คือการสอบปลายภาคครั้งแรกของผมที่ Juridicum นั่นเอง เผลอแป๊บเดียว ก็สอบปลายภาคเสียแล้ว ไอ้ที่น่าตกใจไม่ใช่มันเร็วหรอกครับ แต่เป็นวิธีการสอบของที่นี่มากกว่า ผมก็ไม่เคยเสียด้วย ก็เล่นเอาน่าตื่นเต้นปนสยองนิดหนึ่ง


การสอบปลายภาคของผมเป็นข้อสอบเทคโฮมครับ ตามความเข้าใจก่อนสอบก็คือ เราก็ไปรับข้อสอบมาแล้วเราก็เอากลับมาทำๆๆๆๆๆ แล้วก็เอาไปส่ง เท่าที่เรารู้มาก็ประมาณนี้ จากประสบการณ์อันน้อยนิดจากเมืองไทย


แต่สำหรับที่นี่ มันเป็นยังไงอ่ะ???????



ผมเลยไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ข้อสอบจะเป็นแนวแบบไหน กี่ข้อ ยังไง เอ๊ะ เริ่มงงจนไม่รู้จะอ่านหนังสืออะไรดีแล้ว


และแล้ววันก่อนสอบก็มาถึง เป็นการทบทวน (Wrap up) อาจารย์ก็เริ่มเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดภายในด้วยการบอกข้อมูลให้พวกเราทราบ พอประมาณว่า
  • เป็น take home examination .....อันนี้รู้แล้ว เพราะแจ้งไว้ตั้งแต่เริ่มเรียน
  • มีข้อสอบ 3 ข้อ......ก็โอพอรับได้
  • ข้อสอบจะออนไลน์วันรุ่งขึ้นเวลา 13.00..........................อืม
  • มีเวลา 48 ชั่วโมง จะทำอะไร ไขว่คว้ ค้นคว้าที่ไหนมาตอบก็ได้...................เริ่มเอะใจ
  • พิมพ์ส่งมาไม่ต่ำกว่า 2,500 คำ................ฮ้า.....เยอะไปปล่าวก็ไม่รู้ ทุกทีสอบไอเอล 350 ก็เขียนแทบไม่ทันแล้ว
  • ขนาดตัวอักษร.......บลา บลา บลา..........
  • ข้อสอบเป็นแนววิเคราะห์นะ................................โอ้ย อีกแล้วอ่ะ
  • ไปยาลใหญ่

ฟังแล้วสะระตะเริ่มงง ว่าแล้วข้าพเจ้าจะเอาตัวรอดจากการสอบครั้งนี้ไปได้อย่างไร

แต่จบคลาสยังมีอารมณ์ไปนั่งจิบชา กาแฟกับเพื่อนร่วมกลุ่ม workshop เสวนาจิ๊จ๊ะ กันอยู๋ ทำตัวหรูไฮโซ เริ่มตั้งแต่ก่อไฟจุดเตาผิง จิบชากาแฟ เม้าท์ไป หน้าเตาผิง กินช็อกโกแลต แล้วก็มัช เมโลว์ เอามาปิ้งให้อุ่นที่เตาผิงแล้วเอามากินซะ.......หร่อยดีเหมือนกัน......

ว่าแต่นี่ยังไม่สอบเลยอ่ะ เดี๋ยวมาไปลงนรกหน้าครับ

เคเจ

Saturday 1 November 2008

Thai basil

อาหารไทยอร่อยที่สุดในโลก เชื่อผมเถอะ............


ผมมาอยู่ที่นี่สองเดือนเศษๆ อาหารที่กินร้อยละ 80 เป็นอาหารไทยที่ประยุกต์เอาพืชผักตามท้องถิ่นเขาทั้งนั้น ทั้งแพนงไก่ใส่พริกปาปริกา แห้ว ถั่วแขก


คิดถึงอาหารไทยจะตาย โดยเฉพาะไก่ผัดใบกระเพราของไทย (Thai basil) อาหารสิ้นคิดสุดโปรดของผม.........


และแล้วพระเจ้าก็เข้าข้าง........ในที่สุดผมก็สามารถหาในกระเพราในสวีเดนได้ ที่ร้านชาวอาหรับซึ่งขายของเอเชียน่ะครับขณะไปเดินเล่นเพื่อรอเรียนภาษาตอนเย็น ร้านนี้ผมอุดหนุนมาหลายแล้ว ทั้งซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ พืชพักต่างๆ แต่วันนี้ร้านมันมีใบกระเพราอ่ะ ไม่พลาดแน่ๆ แทบไม่อยากไปเรียนต่อเลย อยากกลับบ้านมาผัดกระเพรากินเดี๋ยวนั้นซะให้รู้แล้วรู้รอด


คืนนั้นหลังจากเรียนกลับมาผมบรรจงค่อยเด็ดกระเพราหนึ่งกำนั้นอย่างทะนุถนอมทีเดียว เอามันทุกช่อทุกใบไม่ให้เสียเลย ประกอบกัยพริกขี้หนูสวนในช่องแช่แข็งอิมพอร์ตจากเมืองไทย โอ้วอร่อยอะไรจะเปรียบปราน


สรุปนับจากมื้อนั้น ผมกินผัดกระเพราไปอีกสี่มื้อ เอาจนคุ้ม เพราะวาเหตุก็คือ ไอ้ใบกระเพรากำนึงนั่น่ะ ราคามันคือสิบโครน 50 บาทเชียวนะ กินให้หายอยาก เอาให้หายคุ้มกันเลย.....ว่างั้น


เคเจ

Cold: go so big

เมื่อต้นอาทิตย์ว่าอากาศมันดูแปรปรวนไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวแดด เดี๋ยวฝน เดี๋ยวลม เดี๋วหนาว แล้วเดี๋ยวก็โครตหนาว.......


ตอนนี้อยู่ปลายอาทิตย์แล้ว เพราะเข้าวันเสาร์มาแล้ว แต่อาการก็ยังคงหนาวอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอย่างที่บอก มันยังเป็นฤดูใบไม่ร่วงชัดๆ ไม่ใช่ฤดูหนาว แต่เมื่อคืนนี้อุณหภูมิที่ด้านนอกห้องผมวัดได้ (ด้านนอกหน้าต่างนะ) -1 ถึง -0.5 ทีเดียว เมื่อเข้าตื่นขึ้นมาซักผ้าตอนเจ็ดโมง ยัง 0 องศาอยู่เลย


ไม่ไหวแล้ว ไปกันใหญ่แล้ว แถมเมื่อวานนี้ที่อุพซาล่า หิมะตกแล้วซะงั้น....งงอีก


เอาเป็นว่าสัปดาห์หน้ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป เดี๋ยวได้รู้กัน


เคเจ