Friday 19 February 2010

Hockey in my memory


ผมบอกเสมอว่าผมไม่ชอบการจากลา.......แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนอนิจจัง มีพบก็มีพราก มีจากก็มีเจอ


วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งในชีวิตของผมที่ต้องยอมรับความจริงของโลกในเรื่องนี้.......การจากลา.......



เมื่อฮ็อกกี้เข้ามาในชีวิตผม

ฮ็อกกี้เป็นสุนัขพันธุ์เกรทเดนของผม ที่นับถึงปัจจุบันมันเพิ่งมีอายุครบ 10 ปีบริบูรณ์ไปเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง หากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีที่แล้วันแรกที่ฮ็อกกี้เดินเข้ามาในชีวิตของผม วันนั้นผมเดินทางไปที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ พี่ชายผยผมโทรศัพท์มาบอกว่าตอนนี้ได้ลูกหมาพันธุ์เกรทเดนมาตัวนึง เป็นพันธุ์ผลมระหว่างเยอรมันเกรทเดน กับอเมริกันเกรทเดน สีแดงลูกวัว


ผมตื่นเต้นมากกับการได้สุนัขตัวใหม่ จำได้ว่าก่อนกลับบ้านวันนั้นผมแวะไปซื้ออาหารเม็ดกลับบ้านมาหนึงกระสอบใหญ่ทีเดียว


ฮ็อกกี้...หมาของผม

ฮ็อกกี้เป็นสุนัขเพศผู้ที่มีนิสัยดื้อ ซนมากทีเดียว มีคนเคยบอกว่าสุนัขจะมีนิสัยเหมือนกับเจ้าของคนที่อุ้มมันเข้าบ้านเป็นคนแรก....กับฮ็อกกี้แล้วผมเป็นคนอุ้มมันเข้ามาในบ้านหลังนี้เป็นคนแรก จึงมีหลายคนบอกผมว่าฮ็อกกี้มีนิสัยที่เหมือนผมในหลายๆ มุม ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่านิสัยอะไรที่เรามีเหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าฮ็อกกี้เป็นสุนัขตัวแรกที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นหมาของผม เพราะผมต้องรับผิดชอบดูแลมันตั้งแต่เล็ก ผมใช้เวลาประคบประหงมดูแลเอาใจใส่ฮ็อกกี้อย่างเต็มที่เรื่อยมา


ตอนเด็กฮ็อกกี้ไม่ค่อยได้เดิน ได้วิ่งมากนัก เพราะด้วยเนื้อที่บ้านที่จำกัด ทำให้มันเดินไม่สวย เพราะเดินแล้วขาหลังบิด ไม่สง่างาม ผมต้องใช้เวลากว่าหนึ่งปีที่ต้องพามันออกวิ่งออกเดินทุกเช้า จนกระทั่งฮ็อกกี้สามารถเดินได้อย่างสง่างาม





ผมไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการดูแลฮ็อกกี้เลย ในทางตรงข้ามผมกลับมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่น ได้พูดจาได้คุย ได้สอน และได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ กับมัน หากจะเปรียบแล้วมันเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมมากที่สุดเลยทีเดียว


ฮ็อกกี้...หมาขี้ประจบ

หลายครั้งที่ผมกลับบ้านมาด้วยความเครียดจากการทำงาน แต่พอมาถึง การเข้ามาเล่น มากอด มาประจบของฮ็อกกี้ก็ทำให้ผมมีความสุขเสียร่ำไป ซึ่งดูไปนิสัยขี้ประจบ ขี้เล่นนี้อาจตรงกันข้ามกับตัวที่ใหญ่โตของมัน ตั้งแต่เด็กมันเป็นหมาขี้ประจบครับ จำได้ดีว่าตอนเล็กๆ เวลามันร้องไม่ยอมนอนในกรงตอนตีหนึ่ง ตีสอง ผมต้องลงมาเพื่อเปิดกรงให้มันออกมานอนบนตักผมจนหลับไปเสมอๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความทรงผมที่สวยงามของผมกับฮ็อกกี้


ฮ็อกกี้...หมาเจ้าถิ่น

ฮ็อกกี้เป็นหมาเจ้าถิ่นที่มักจะชอบอิจฉา และแผ่บารมีอำนาจรังแกเคนจิ เพื่อรักของมันอยู่ร่ำไป เมื่อปีที่แล้วเคนจิได้จากผมและมันไป ฮ็อกกี้ก็ไม่มีหมาที่คอยต่อกรที่ขนาดตัวพอฟัดพอเหวี่ยงไป คงเหลือผมและพี่ชายที่พอจะต่อสู้กับมันได้บ้าง แต่มันก็ออมแรงเวลาสู้กับเรา ไม่เช่นนั้น เราคงได้ล้มคว่ำไปได้เช่นกันแหละ


ฮ็อกกี้กับสัญชาตญาณในการล่า

ฮ็อกกี้เป็นหมาล่าครับโดยสายพันธุ์ แต่ด้วยทีมันถูกเลี้ยงในบริเวณบ้าน ดังนั้นนิสัยนักล่าของมันจึงถูกจำกัดลงไป ฮ็อกกี้กลายเป็นหมาที่ชอบล่าคางคกและตัวเหี้ยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างหลังนี่ ฮ็อกกี้เป็นแชมป์ล่าไปได้หลายตัวทีเดียว แถมเมื่อล่าเสร็จก็จะคาบเอามาอวดผลงานให้เราเห็นด้วยว่ามันเก่งขนาดไหน


ฮ็อกกี้กับศัตรู

ฮ็อกกี้เป็นหมาที่ไม่ค่อยกลัวอะไร แต่สิ่งที่มันกลัวกลับเป็นยุงครับ ฮ็อกกี้แพ้ยุง ดังนั้นเมื่อตกค่ำ พอมียุง มันจะร้องขอเข้ากรงเป็นประจำเลย


ฮ็อกกี้กับการจากลา

ผมจากฮ็อกกี้มาเพื่อมาเรียนที่สวีเดนเมื่อปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นเพียงครั้งเดียวที่ผมจากมันมาอย่างยาวนานที่สุด เพราะตลอดเวลาตั้งแต่มันเล็ก ผมอยู่กับมันมาตลอด ปีที่แล้วผมสูญเสียเคนจิไป และผมไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าปีนี้ผมจะสูญเสียฮ็อกกี้ไปอีก เพราะเมื่อสองวันก่อน ผมยังเล่นกับมันอยู่เลย แม้ว่าอายุจะมากแต่ฮ็อกกี้ก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรง ยังเป็นหมาขี้เล่นเสมอ จนเราพูดติดตลกว่าสมองฮ็อกกี้ยังคงเป็นเด็กแม้ว่ามันจะแก่เป็นคุณตาแล้ว ดังนั้นประเด็นเรื่องการจากลงไปของฮ็อกกี้จึงไม่ใช่เรื่องที่พวกเราเตรียมตัวสักเท่าไหร่ พวกเราเพียงแต่เตรียมการเรื่องการดูแลมันในวัยที่แก่มากขึ้นเท่านั้น


ฮ็อกกี้กับปัญหาสุขภาพ

ฮ็อกกี้ไม่ค่อยได้ป่วยมากมายอะไร อย่างมาก็เป็นไข้ ซึ่งกินพาราเม็ดสองเม็ดก็หายแล้ว ที่ป่วยมากหน่อยก็คือเป็นพยาธิเม็ดเลือด ซึ่งก็ต้องไปตรวจ กินยา แล้วก็หาย และล่าสุดก็คือเป็นเนื้องอกที่บริเวณรูทวาร ซึ่งผมก็เพิ่งพาไปปรึกษาหมอเรื่องผ่าตัดเมื่อก่อนผมกลับมานี่เอง และวางแผนว่าจะผ่าในช่วงต้นเดือนหน้านี้ แต่มันก็มาจากผมไปเสียก่อน


วันนี้กับฮ็อกกี้

วันนี้เมื่อประมาณสองทุ่มที่สวีเดน หรือตีสองที่ประเทศไทย พี่ผมโทรมาบอกว่าฮ็อกกี้เสียแล้ว ทั้งที่ไม่มีอาการอะไรบ่งบอกเลย เพียงแค่วันนี้มันไม่ยอมทานอะไรเลย แต่มันก็ยังเดิน ยังวิ่ง ยังเห่าปกติ ก่อนเข้ากรงช่วงหัวค่ำ มันยังคงปกติดี แต่พอตกดึกมันก็จากเราไปโดยไม่มีการร่ำลา หรือบ่งบอกอะไรให้เราเลย


ความเสียใจกับการจากไปของฮ็อกกี้

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของฮ็อกกี้ ผมเสียใจมาก มันจุกจนบอกอะไรไม่ถูก เพราะคราเคนจิ อาการหลายๆอย่างมันฟ้องให้เราต้องทำใจไว้บ้าง แต่คราวนี้กับฮ็อกกี้มันกระทันหันจริงๆ ผมไม่ได้ชาชินต่อการจากลา หากแต่ผมปลงได้มากขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมา ผมเผชิญหน้ากับการจากลาและการสูญเสียมาหลายเรื่องเหลือเกิน จนผมจำเป็นที่ต้องหันมายอมรับและเผชิญหน้ากับมัน มากกว่าการจะหลีกหนี เพราะนี่มันคือความจริงของชีวิต


ฮ็อกกี้กับวันนี้ของผม

ฮ็อกกี้จากไป เหลือไว้เพียงความทรงจำที่งดงามที่สุดมากมาย อีกทั้งก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนในเมืองไทย ผมได้กลับไปเล่นกัยมัน ได้คุย ได้วิ่งเล่นกับมันทั้งๆ ที่ห่างหายกิจกรรมเหล่านี้ไปนาน ซึ่งก็คงทำให้มันมีความสุขอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย แม้ว่าวันนี้ร่างมันจะถูกนำไปฝังใกล้ๆ กับเพื่อนๆ ทั้งหลายของมัน ทั้งไอ้น็อต ไอ้หมี พิกาจู และเคนจิ แต่ภาพของฮ็อกกี้จะยังคงตราตรึงในความทรงจำของผมไปอีกนานเท่านาน


......................................................

หากจะขออะไรสักอย่างเป็นครั้งสุดท้ายให้กับฮ็อกกี้หลับให้สบาย ผมขอให้มันไปสู่ภพภูมิที่ดี หากเกิดมาอีกก็ขอให้อย่าเกิดเป็นหมาอีกเลย ขอให้ได้เกิดเป็นคนอยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมพรั่ง ได้มีโอกาสเจริญในพุทธศาสนา และพระธรรมคำสอน เพื่อการพ้นจากปวงสังสารวัฏทั้งหลาย แล้วแล้ววันหนึ่งเราคงจะได้เจอกันอีกครั้งเป็นแน่ฮ็อกกี้เพื่อนรัก

.....................................................

แต่สำหรับผมแล้ว ผมต้องก้าวต่อไปข้างหน้าต่อไป ไม่ใช่ทิ้งความสูญเสียและการจากลงไว้เบื้องหลัง หากแต่ชีวิตผมยังคงต้องเดินต่อ ไม่ได้หยุดไปตามฮ็อกกี้ แต่แม้ว่าร่างกายของฮ็อกกี้จะหยุดเดินไปแล้ว แต่ฮ็อกกี้จะยังคงเป็นเพื่อนรักที่เดินทางไปข้างหน้าพร้อมกับผมตลอดไป


หนุ่ย

No comments: