Thursday 30 April 2009

Swedish drunk day

วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของประเทศนี้ครับ ถือว่าเป็นวันส่งท้ายอากาศเย็นต้อนรับอากาศร้อนแล้ว









ตื่นแต่เช้าทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาหอบเอาผ้าปูนั่ง เก้าอี้ และที่สำคัญอาหารการกินและเหล้าเบียร์ เดินแถวกันไปที่สวนสาธารณะในเมืองเพื่อดื่มๆๆๆ ฉลองๆๆๆๆ เอากันตั้งแต่เช้ายันค่ำเลย







วันนี้ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกับน้องเด็กไทยที่นี่ แหมมาอยู่ทั้งทีซึมซับบรรยากาศสวีดิชเสียหน่อย


แต่จะว่าไปสู้พี่ไทยไม่ได้ เพราะไม่ต้องมีวันเมาอย่างเป็นทางการ เพราะพี่ไทยเมาทุกวัน ทุกเทศกาล ไม่จำกัด เวลาและสถานที่




แต่ว่าไปนี่ก็เพิ่งสังเกตว่าตั้งแต่มาวันนี้เพิ่งจะเจอคนเยอะอย่างนี้เป็นวันแรก แถมอีกนิดวันนี้เอาคลิปร้องรำทำเพลงและการละเล่นพื้นเมืองของในงานมาฝากครับ


Thursday 23 April 2009

Believe

ผมเคยถามตัวเองหลายครั้งว่าชีวิตวันพรุ่งนี้ของผมจะเป็นอย่างไร หลายครั้งที่ทุกค่ำคืนที่ผมนั่งหาคำตอบให้กับตัวเองในคำถามคำถามเดิม

หลายครั้งคำตอบที่ได้นั้นทำให้ผมนอนหลับอย่างมีความสุข

หากแต่บางครั้งความรู้สึกของผมกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม หลายครั้งที่คำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบ

ผมจึงสงสัยว่าทำไมคำถามคำถามเดิม แต่ทว่าพอเวลาเปลี่ยนไป ทำไมคำตอบที่ได้มันถึงแตกต่างไปจากเดิม คำถามที่ดูท่าว่าวันนี้จะสามารถตอบได้อย่างฉะฉานและง่ายดาย แต่พอย้อนนึกกลับไปในวันก่อนกลับยากแม้แต่เพียงจะกล่าวอะไรออกมา

..............................


ชีวิตช่วงนี้ของผมก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีแต่เพียงคาวมหวังใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือกำหนดการในการเดินทางกลับประเทศไทยในอีกเดือนกว่าๆ ข้างหน้า

การเดินทางกลับประเทศไทยของผมในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการกลับไปพักผ่อนเสียเมื่อไหร่ หากแต่ผมมีภาระที่ต้องจัดการจำนวนมากทีเดียวในเวลากว่าสองเดือนที่เมืองไทย

เผลอไม่นานการเรียนในปีแรกก็จะผ่านไปแล้ว ผมยังจำวันแรกในการเดินทางมาที่นี่ของผมได้ดี ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังคงตรึงในความทรงจำของผมเป็นอย่างดี

จากเมืองไทยมาด้วยความหวังในการแสวงหาประสบการณ์ชีวิตในโลก ในที่ที่เราไม่คุ้นเคย จนกระทั่งผ่านมาคนคุ้นชินในวันนี้ ผมได้ประสบการณือะไรมากมายในการมาใช้ชีวิตที่สวีเดนนี้

ก่อนนี้ตอนอยู่เมืองไทย หลายครั้งที่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมรู้มันกล้างและลึกพอในบางเรื่อง แต่การประสบการณ์ที่นี่หลายอย่างสอนผมว่าโลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่เราไม่รู้

การได้ใช้ชีวิตคนเดียวในต่างแดน สำหรับผมมันไม่ได้น่ากลัว อาจเพราะโดยนิสัยผมชอบคุ้นชินในการอยู่คนเดียวกระมัง เลยไม่รู้สึกถึงความเหงาเท่าใดนัก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมได้ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก แถมพอมาอยู่ในประเทศที่ทุกคนรักความเป็นส่วนตัวสูง โลกของผมจึงกลมกลืนไปกับวิถีของคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย

...........................

เวลาผ่านไปเร็วจนก้าวเข้าเดือนที่เก้าในไม่ช้านี้....ทั้งที่เรื่องราวเมื่อวันวานนี้ยังไม่จางหายไป

ผมยังคงต้องปรับตัวต่อไปอย่างต่อเนื่อง วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวานนี้ พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ เพราะจะไม่ยอมให้ผมรู้สึกว่าวันที่ผมเดินทางกลับประเทศไทย ทำไมผมถึงยังคงเหมือนเดิม ไม่นะผมต้องพัฒนาขึ้น ผมเชื่อว่าจะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น........นี่คือความเชื่อของผม

Wednesday 15 April 2009

Happy Songkran's Day

สวัสดีปีใหม่ครับ


แม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะขุ่นมัวมาตลอดกว่าสองสามอาทิตย์ แต่อย่างไรก็ดีตอนนี้ก็แทบจะเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ก็หวังว่าทุดคนจะสามารถกลับมายิ้มกันได้เร็วๆ นี้นะครับ

Saturday 11 April 2009

Dreaming

















ชีวิตคนเราจะเป็นต้องมีความหวัง หรืออีกนัยคือความฝันที่เราอยากเป็นอยากได้มาครอบครอง ความฝันนี้เองคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้วงล้อแห่งการเดินทางในชีวิตเราขับเคลื่อน และทำใช้ชีวิตเราดำเนินไปตามเป้าหมายที่เราได้วางไว้

บางคนอาจล้ม อาจสะดุด หยุดลง หรือแม้กระทั่งเดินถอยหลัง หากทว่าเพียงแต่เราอย่าทอดทิ้งความฝันนั้น วันที่ความฝันนั้นเป็นจริงย่อมมาถึงในวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องรีบ แต่ของให้เป็นไปอย่างมั่นคง

ความฝันมีไว้ให้ไขว้คว้า หากไม่มีความฝัน ย่อมไม่มีวันที่เราจะรู้ถึงความสำเร็จหรือสมหวังอย่างแท้จริง

Sunshine










แสงแดดที่แถบสแกนดิเนเวียนี้ทั้งจ้าและร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น แสงแดดคงเป็นเพียงที่พึ่งเดียวในการทำให้เราอบอุ่นขึ้น ดังนั้นช่วงนี้เดินไปตามสแควร์ หรือตามสวนสาธารณะ จะพบว่าผู้คนมักนิยมมานั่งตากแดดกันอย่างเป็นกิจลักษณะทีเดียว อย่างในภาพเป็นสแควร์บริเวณกลางเมืองลุนด์ครับ

Spring in Lund

เอาเข้าจริงนี่เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ลุนด์ย่างก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ทว่าอากาศทุกวันนี้ยังคงเย็นอยู่ แต่เพียงแค่เสื้อแจ็กเก็ตสักตัว ชีวิตเราก็จะดีขึ้นทันที
















ยามนี้หากเพิ่งก้าวเท้าออกไปด้านนอก แสงแดดในแถบสแกนดิเนเวียที่ทั้งจ้าและแรงทำเอาต้องเดินตาหยีเลยทีเดียว ลมในยามนี้พัดมาแต่ละทีก็เล่นเอาเย็นจับขั้วทีเดียว ต้นไม้ตลอดทางเริ่มออกผลิใบ ดอกไม้เริ่มแย้มบาน สีสันสวยงาม ช่วยทำให้ชีวิตของผมมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกโข

Friday 3 April 2009

Today's life

ผมเคยบอกและเคยถามเพื่อนๆ หลายคนว่าเชื่อไหมตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ผมยังไม่เคยรู้สึกเหงาเลย







แต่ความเหงาได้เข้ามาเยี่ยมเยือนผมแล้วตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ชีวิตของผมไม่รู้สึกกระชุ่มกระชวย เบื่อไปหมดเสียทุกสิ่ง แม้ว่าจะพยายามไม่นั่งจมอยู่แต่ในห้อง พยายามทำโน่นนี่ ทำอาหาร หรือไปเดินเล่นบ้าง (เอาจริงๆ ตั้งใจไปเดินเล่นมากกว่าปกติด้วยซ้ำ)


วันนี้เดินไปๆ มาๆ ก็มาเจอหมาโกลเดนท์ของคนสวีเดน เหมือนเคนจิมาก ก็เลยคิดอีกแล้ว 555++


ตอนนี้ผมก็เลยพาลไม่เป็นอันทำอะไรเลย ปล่อยให้เวลาผ่านไปจากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็นวัน และจากวันมาจนครบสัปดาห์แล้ว


ตอนนี้ในลุนด์ต้นไม่เริ่มผลิใบกันแล้วหลังจากจมอยู่กับความหนาวเย็น เป็นต้นไม้ไร้ใบมานานเกือบ 4 เดือน มันก็เหมือนชีวิตของคนแหละครับ ช่วงไร้ใบก็คือหม่นหมอง ตอนนี้แม้แต่ต้นไม้ยังเริ่มผลิใบแล้ว ผมก็ต้องเริ่มผลิกิ่งก้านความสุขเสียบ้างก็คงจะดี

Thursday 2 April 2009

A New Day

ชีวิตของผมตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วครับ มันกำลังจะคุ้นชินแล้ว หากแต่พอกลับมาเปิดบล็อกทีไร มันก็ถูกสะกิดแผลขึ้นมาทุกที







ผมเลยตัดสินใจว่าผมจะปิดเรื่องราวของเคนจิลงแล้วครับ ต่อไปภายหน้าเคนจิจะมาปรากฏก็เฉพาะในส่วนของความทรงจำที่ดีสิ่งหนึ่งในชีวิตของผมเท่านั้น


ผมพร้อมที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นปกติแล้ว


เพราะชีวิตของผมวันนี้ยังคงเดินต่อไป และผมสามารถยิ้มได้โดยปราศจากน้ำตาแล้วครับ :-)