Monday 30 June 2008

Sanitary

ใครจะรู้ว่าในชีวิตของผมผมก็เคยใช้ผ้าอนามัยด้วยนะ


ใช่แล้วผ้าอนามัยสำหรับผู้หญิงเนี่ยะแหละ เป็นความรู้สึกแปลกที่นึกถึงทีไรก็แปลกอยู่ดี


จะแบบแถบกาว แบบมีปีก รวมไปถึงแบบห่วง ผมใช้มาจนคล่อง เพราะว่าผมต้องใช้อยู่ประมาณเดือนนึงหลังจากการเข้ารับการผ่าตัด


ผ่าตัดอะไร อะไร???????


ไม่บอก อิอิอิ


เอาเป็นว่าผลจากการผ่าตัดในครั้งนั้น ผมต้องนั่งนอนทำไรไม่ได้นานเกือบเดือน และต้องใช้ผ้าอนามัยหมดไปหลายแพ็ค


ก็เลยแค่อยากบอกให้รู้


ว่าผู้ชายคนนี้ ครั้งหนึ่งเคยพึ่งผ้าอนามัยเหมือนกัน

Sunday 29 June 2008

Role of Thai T.V.

ขณะที่เดินทางไปเที่ยวในประเทศลาวในครั้งนี้ ผมได้ติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวในประเทศลาว เพื่อให้จัดการเกี่ยวกับพาหนะในการเดินทางให้ผมจึงติดต่อ คุณน้อย ที่บริษัทจำปาสักการท่องเที่ยวเพื่อให้จัดการเกี่ยวกับพาหนะในการเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ ในลาวใต้ให้


ขณะเดินทางพี่น้อยเล่าให้พวกเราฟังเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของลาวให้ฟัง และแล้วประเด็นการมาถึงเรื่องเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ที่คนลาวดู


พี่น้อยบอกว่าคนลาวติดละครไทยไง (แม้ว่าจะน้ำเน่าสักเพียงใด) คนลาวส่วนใหญ่จะเข้าใจภาษาไทยได้ดี เพราะว่าคนลาวส่วนใหญ่จะชมละคร และรายการโทรทัศน์ของชาวไทยซะมากมาย


ดังนั้นการที่โทรทัศน์ไทยจะมีบทบาทต่อวิถีชีวิตของคนลาวจึงเป็นเรื่องปกติ


หนึ่งในนั้นก็คือ (พี่น้อยเล่า)


เรื่องมีอยู่ว่าน้องมิเชลลูกสาวน้อยของพี่น้อย ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนร้องเพลงชาติที่โรงเรียน พอไมค์จ่อปาก น้องมิเชลก็บรรเลงทันที "...ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย....." ไปซะฉิบ


ฉะนั้นยอมรับได้เลยว่าโทรทัศน์ไทยเนี่ยะมีบทบาทกับชาวลาวจริงๆ





K-Jay

Thursday 26 June 2008

Raining at the Preah Vihear

การเดินทางไปเขาพระวิหารนั้น ต่อไปคงลำบากมากขึ้น เนื่องจากปัญหาระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ในประเด็นการที่ประเทศกัมพูชาต้องการเสนอชื่อปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก


ผมและเพื่อนจึงตัดสินใจไปที่เขาพระวิหารให้เห็นกันจะจะไปเลยการเดินทางต้องผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร แล้วจอดรถไว้ที่ที่ทำการอุทยาน จากนั้นต้องอาศัยสองเท้าของเรานี่แหละ เดินๆๆ จากที่ทำการอุทยานผ่านด่านเข้าบริเวณตีนเขาพระวิหาร ผ่านเข้าดินแดนประเทศกัมพูชา และต้องผ่านด่านเพื่อขึ้นไปบนเขาพระวิหาร เพื่อชมปราสาทพระวิหาร ที่กำลังเป็นปัญหากันอยู่ในปัจจุบัน


แต่กว่าจะถึงบันไดขั้นแรกก็โดนไปสองด่าน ทั้งด่านอุทยาน ด่านไทย ถ้าจะขึ้นไปก็ต้องโดนด่านอีกด่านของกัมพูชา แต่มาทั้งที ค่าด่านแค่นี้คงไม่เป็นปัญหาแล้วแหละ แต่สามด่านหมดไปเกือนร้อยต่อคนเชียวนะพวกเราไต่ภูเขาไปเรื่อยๆ ตามทางเดินจนกระทั่งถึงชั้นบนสุดที่เป็นปราสาทหลักของเขาพระวิหาร เราก็สังเกตเห็นเมฆฝนก้อนใหญ่ลอยอย่างรวดเร็วมาปกคลุมปราสาท และพวกเราที่ยืนอยู่บริเวณนั้น


จากนั้น ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เราเลยต้องทำตัวประดุจชาววังยืนพักในปราสาทชั้นที่หนึ่ง จนกว่าฝนจะซาลง ร่วมกับพันธมิตรชาวเขมร ไม่ต่ำกว่า 20 คน ที่ยืนหลบฝนอยู่ ณ ช่องทางเดินด้านข้างรอบปราสาทชั้นบนสุดของเขาพระวิหาร


ใครจะว่าการมาเขาพระวิหารครั้งนี้อาจจะโชคร้ายนิดหน่อยที่ดันมาติดฝนอยู่บนยอดเขาจนไม่สามารถลงมาสู่เบื้องล่างของแผ่นดินไทยได้ แต่บรรยากาศยามฝนตกบนยอดเขาพระวิหาร ก็น่าดูชมใช่ย่อยนะ สวยงามอย่างประหลาดทีเดียว


ครั้นพอฝนเริ่มซา ก็ค่อยสบโอกาสเดินฝ่าสายฝนพรำๆ ลงมาเรื่อยๆ แต่สายฝนพรำแค่พักเดียวก็ลงมาอีกห่าใหญ่ สรุปแล้วดีนะที่พกร่มมาด้วย


อย่าอย่านึกภาพว่าการกางร่มเดินลงจากเขาพระวิหารจะน่าอภิรมย์นะ เพราะด้วยรัศมีของร่มศีรษะพวกเราเลยไม่เปียกฝนเลย


แต่ตั้งแต่คอลงมา “อย่าไปพูดถึงมัน”








K-Jay

Wednesday 25 June 2008

From Ubon to Chumpasak

เดิมทีเดียวตั้งใจไว้ว่าก่อนที่จะไปเรียนต่อที่ประเทศสวีเดน ก็อยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สักครั้งหนึ่ง คิดแล้วคิดเล่าว่าจะไปไหนดีหนอผมมีเวลาแค่ 4 วัน เท่านั้นเอง คือวันที่ 19 - 22 มิถุนายน 2551

จะไปไหนไกลก็คงยาก ดังนั้นจึงตกลงปลงใจว่าทริปนี้คงไม่ต้องไกลมาก ไม่ต้องบุกป่าฝ่าดงมากนัก เอาง่ายๆ ไปแล้วจำๆ เลย


ปฏิบัติการหาที่เที่ยวครั้งนี้ ต้องถึงขั้นลากเอากล่องใส่หนังสือท่องเที่ยวออกมากางดูทีละเล่ม แล้วไอ้นิสัยไม่ดีของผมก็คือ ชอบเที่ยวแบบคาดหมายไม่ได้ หมายความว่าแผนจะถูกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา อยากไปไหนก็หาไว้เยอะๆ แล้วไปลงมติกับเพื่อนร่วมก๊วนอีกทีว่าเอาไงกันดี


ดังนั้นด้วยข้อจำกัดด้านเวลา และที่สำคัญอีกประการคืองบประมาณ ทำให้สามารถตัดสถานที่ที่อยากไปออกได้เยอะทีเดียว เหลือแค่ไม่กี่ที่ ที่สามารถไปได้โดยไม่กระทบเวลาและกระเป๋าสตางค์มากนักในที่สุดก็เลยมาลงมติกันได้ว่าจะไปอีสานใต้แล้วก็เข้าไปเที่ยวลาวใต้ ท่าจะดีที่สุด


จากนั้นก็มีชื่อสถานที่ท่องเทียวจำนวนมากลอยเข้ามาอยู่ในหัว ที่นั่นก็อยากไป ที่นี่ก็อยากไป แล้วไปสักกี่คนถึงจะดี แต่ที่สุดแล้วหาไปหามา ได้เพื่อนร่วมก๊วนมา 3 คนเอง ก็โอเค ไปแล้วละจุดนี้ อย่างไรก็จะไป


จากนั้นก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินทันที เพราะจะได้ประหยัดเวลาสักหน่อย ผมตัดสินใจที่จะโดยสารเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ จากท่าอากาศยานดอนเมือง มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานีที่ผมเลือกว่าจะนั่งเครื่องบิน แทนที่จะนั่งรถไฟตามที่ตั้งใจไว้แต่เดิมอีกเหตุผลหนึ่งก็คงเป็นเพราะกระแสข่าวภายในที่เชื่อถือได้ที่ว่าสายการบินโลว์คอสนี้จะอยู่กับเราอีกไม่น่าจะนานนัก ผมจึงตัดสินใจนั่งส่งท้ายสายการบินกันเลยทีเดียวด้วย


เหตุที่เป็นการท่องเที่ยวเชิงเร่งด่วนและเร่งรีบ ดังนั้นข้อมูลบางส่วนจำเป็นที่จะต้องไปอ่านเก็บในช่วงเวลาเดินทางการเดินทางดูแววว่าคงลั้นลาอย่างแน่นอน ที่ไหนได้กลับน่าปวดตับเป็นที่สุดก็คือ ผมดันลืมหนังสือท่องเที่ยวลาวใต้ไว้ในห้องน้ำที่บ้าน เพราะเอาไปนั่งอ่านแก้เครียดนะซี งานนี้เลยรับไปเต็มๆ คงต้องมะงมมะงาหราหาเอาข้างหน้าแล้ว


วันแรกของการเดินทางจากกรุงเทพ ไปโผล่ที่อุบลราชธานี ทันทีที่ถึงเลยตัดสินใจว่าไม่ได้แล้วเลือดรักชาติเดือดปุดๆ เราต้องไปเขาพระวิหารแต่อย่างไรก็ดีมาถึงอุบลทั้งที คงต้องแวะสักการะพระแก้วบุษราคัม พระคู่เมืองที่วัดศรีอุบลฯ หรือวัดศรีทอง สักนิด แวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดอุบลราชธานี และเดินเล่นที่ทุ่งศรีเมืองสักหน่อยจากนั้นค่อยจัดการขับรถมุ่งหน้าสู่เส้นทางวารินชำราบ สู่อำเภอกันทรลักษณ์เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีษะเกษ ที่ผามออีแดง


เพื่อไปเหยียบเขาพระวิหารให้จงได้เพราะกลัวว่าเขมรอาจปิดไม่ให้ขึ้นหากมีปัญหากันมาก (ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิดจริงๆ ณ วันนี้เขาพระวิหารถูกปิดไม่ให้เข้าซะแล้ว)






แล้วก็ไปนอนกันที่โขงเจียม เพราะได้ยินมานานเรื่องแม่น้ำสองสี "โขงสีปูน มูลสีคราม"วันที่สองของการเดินทางผมตัดสินใจที่จะไปดูภาพเขียนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม ซึ่งต้องเดินไกลวงใหญ่รวม 4.5 กิโลเมตรทีเดียว แค่เดินเสร็จก็นั่งง่อยเปลี้ยเสียขากันเลยทีเดียว





จากนั้นก็ตัดสินใจที่จะไปเที่ยวน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู หนึ่งใน Unseen Thailand ของจังหวัดอุบลราชธานี ที่บ้านนาโพธ์ใต้ แล้วตกเย็นมาแวะกินปลาจากแม่น้ำโขงให้เปรมอุรา






วันที่สามของการเดินทางเป็นการเดินทางที่ทรหดมาก ผมเดินจากไปยังด่านช่องเม็กเพื่อเข้าสู่เมืองปากเซในแขวงจำปาสักของลาว การเดินทางหฤหรรษ์ เริ่มจากการเดินทางเข้าสู่ปากเซ มุ่งหน้าสู่ปราสาทหินวัดพู ซึ่งเป็นมรดกโลกของ สปป.ลาวการเดินทางสู่วัดพูต้องนั่งรถ เอารถลงแพขนานยนต์ แล้ววิ่งต่อไปอีก แค่รอข้ามแพไปกลับก็เกือบ 3 ชั่วโมงแล้วจากนั้นก็ไปนำตกหลี่ผี ต้องนั่งเรือไปในมหานทีสี่พันดอน แล้วต่อรถ ก่อนจะปิดท้ายโปรแกรมทัวร์วันนี้ด้วยนำตกคอนพะเพ็ง หรือ ไนแองการ่าแห่งเอเชีย


เย็นนี้ผมมานอนอยู่ที่เมืองปากเซ


วันที่สี่ วันสุดท้ายของการเดินทางการเดินตลาด และเก็บภาพวิถีชีวิตของคนในเมืองปากเซยังคงเป็นจุดหมายสำคัญในการมาเที่ยวที่นี้ ตลาดดาวเรือง รวมไปถึง โรงแรมจำปาสักพาเลซ ซึ่งเป็นวังเก่าของเจ้าบุญอุ้ม เจ้าผู้ครองนครจำปาสักองค์สุดท้ายก็น่าดึงดูดอยู่ไม่น้อยก่อนที่จะกลับเข้าฝั่งไทย ไปและน้ำตกตาดโตน แวะดูแม่น้ำสองสี และแวะแก่งสะพือ ที่พิบูลมังสาหาร


แต่ก่อนออกจากอุบลราชธานี พวกผมคงมาไม่ถึงอุบลราชธานีหากไม่ได้ไปแวะสักการะหลวงปู่ชา ที่วัดหนองป่าพง


ก่อนจะหาซื้อของติดมือกลับบ้านโดยสายการบินนกแอร์กลับสู่กรุงเทพเรื่องราวและรูปภาพมากมายแล้วผมจะทยอยเล่าให้ฟังเป็นตอนๆ ไปคอยติดตามอ่านแล้วกัน


K-JAY

Thursday 12 June 2008

Mump

วันนี้อารมณ์ดีเลยมีเวลานั่งคิดถึงเรื่องสมัยเด็กมากมาย สิ่งหนึ่งที่คิดถึงก็คือกีฬาที่เล่นในวัยเด็ก กีฬาอีกอย่างที่ผมเล่นเป็นประจำก็คือกีฬา "เป่ากบ"


วิธีการเป่ากบก็ง่ายแสนง่ายมีอุปกรณ์แค่หนังยางวงใหญ่ 2 เส้น หาซื้อหรือจะขอจากเพื่อนผู้หญิงที่มีก็ได้ เพราะผู้หญิงมักมีเยอะเพื่อใช้ถักหนังยางสำหรับกระโดดอยู่แล้ว สถานที่ไม่จำกัดขอให้เป็นที่ราบเรียบๆ เช่นโต๊ะเรียนนั่นแหละเหมาะเหม็ง











วิธีการเล่นก็ง่ายแค่ฝึกเลือกลักษณะหนังยาง การคำนวณระยะทาง การปล่อยลมออก สังเกตการเข้ากินฝ่ายตรงข้าม ต้องเปิดปากเป่า เพื่อให้หนังยางกระโดด ไปกินฝ่ายตรงข้าม เมื่อถึงตาเราเป่า

ผู้แพ้ก็ต้องเสียหนังยางหนึ่งเส้นให้กับผู้ชนะทุกทีไป ผมเริ่มจากกการที่ขอหนังยางจากพี่ตามสเต็ปเดิม แล้วก็แข่งจนได้หนังยางเป็นกระบุงเลย แต่เข้าอีหรอบเดิม คือหนังยางอันตธานหายไปหมดแล้ว

เล่ามาถึงตอบนี้คงจะไม่อาจไม่กล่าวถึงกีฬาอีกอย่างที่เป็นที่ป๊อปปูลาร์ คือการเขี่ยรูปลอก อิอิ หลายคนคงจำได้ อุปกรณ์คล้ายๆเป่ากบ แต่เปลี่ยนเป็นรูปลอก แล้วสองฝ่ายผลัดกันเขี่ยให้รูปลอกมากินกัน คือ หน้าทับหลัง หรือหลังทับหน้า ใครชนะก็ได้รูปลอกนั้นไป โอ๊ย นึกถึงแล้วมีฟามสุข.........................


แล้ว.....................ไอ้ที่เล่ามันไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อเลย แต่ที่เกี่ยวคือสมัยนั้นเขามักเชื่อกันว่าเวลาเป่ากบมากๆแล้วจะทำให้เป็นโรคคางทูม พอดีเล่าแล้วสนุกเลยเลยเถิดไปกันใหญ่


Mump ตามหัวข้อ คือ โรคคางทูม ไอ้โรคคางทูม อาการอักเสบของต่อมน้ำลาย ถ้าเป็นในเด็กสาเหตุที่พบบ่อยก็คือคางทูม ซึ่งเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ปกติสามารถหายเองได้ ลักษณะอาการที่อาจจะพบร่วมด้วยได้ก็คือ มีอาการปวดเสียวมากขึ้นเวลาที่ต่อมน้ำลายทำงาน เช่นเมื่อลิ้นรับรสเปรี้ยว เป็นต้น


แต่สมัยนั้นวิธีการรักษาก็คือการเขียนเสือ อิอิ ฟังไม่ผิดครับ การเขียนเสือ คือการเอาพู่กันจีนจุ่มหมึกดำแล้วเขียนคำว่าเสือในภาษาจีนไว้ที่แก้มข้างที่เป็นคางทูม ต้องทิ้งไว้หลายวันด้วย



แล้วผมจะรอดเหรอ นึกถึงเรื่องคางทูมทีไป เป็นต้องนึกถึงภาพผมตอนเป็นคางทูมและมีการเขียนเสือไว้ที่แก้ม เวลาไปโรงเรียนใครเห็นก็เป็นที่รู้กันเลยว่าผมเป็นคางทูมอีกแระ



สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กผู้ชายในสมัยก่อน ลองมาทำตอนนี้สิ รับรองแค่ก้าวออกจากบ้าน สายตาทุกคู่เป็นได้จับจ้องมาให้อายกันเป็นแน่แท้

Dolls

Dolls ในที่นี้หาได้หมายถึงตุ๊กตาสาวสวยของบรรดาเด็กหญิงแต่อย่างใด แต่ Dolls ในที่นี้หมายถึง "ตุ๊กตุ่น" ใช่แล้วครับ ตุ๊กตุ่น หลายคนอาจลืมชื่อนี้ไปแล้ว แต่พอดีเมื่อเช้านี้ขณะขับรถมาคิดเพลินๆ ถึงบรรดาของเล่นของผมในวัยเด็ก กีฬาทอยเส้น เป็นกีฬาสุดฮิตของเด็กชายสมัยนั้น



วิธีเล่นนั้นก็ง่ายแสนง่าย อุปกรณ์การเล่มมีเพียงแค่มีตุ๊กตุ่นและถ่านหุงข้าวสำหรับขีดเส้นเท่านั้นก็พอ ขีดเส้นที่ยืน และเส้นที่ปลายทางสำหรับโยนตุ๊กตุ่นไปให้ใกล้เส้นมากที่สุดเป็นพอก็ชนะแล้ว รางวัลสำหรับผู้ชนะก็คือตุ๊กตุ่นหนึ่งตัวจากผู้แพ้



เห็นไหม ง่ายๆ ดังนั้นผมมักจะเริ่มจากการหาตุ๊กตุ่นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าจากการซื้อ 3 ตัวบาทในสมัยนั้น หรือง่ายๆ ขอตุ๊กตุ่นของพี่มาทำทุน แล้วหาเพิ่มจากสังเวียน อิอิ..



ผมเริ่มวิธีการสะสมตุ๊กตุ่นจากการแข่งขัน วิธีการ value added ของเซียนทอยเส้นตุ๊กตุ่นก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการพยายามสร้างน้ำหนักให้ตุ๊กตุ่นเพื่อไม่ให้กระดอนไกลจากเส้นที่ลง ไม่ว่าจะเอาหนังยางมารัดทั่วตัว หรือเอาลวดหรือลวดทองแดงมาพันตามแขน ขา หรือลำตัวของบรรดาไอ้มดแดง มดเอ็กซ์ หน้ากากเสือทั้งหลาย



ผมสะสมตุ๊กตุ่นได้เยอะพอควร ก่อนจะถึงการอวสานเมื่อแม่เห็นว่าผมโตขึ้น และมันก็รกแล้วก็เอาไปแจกจ่ายให้คนอื่นๆ จนหมด จึงเป็นการอวสานของบรรดาตุ๊กตุ่นของผม

Thief

เมื่อเช้าขณะขับรถมาทำงาน นั่งฟังรายการวิทยุ ประเด็นว่าคุณเคยขโมยอะไรในวัยเด็ก ก็พาให้ฉุกคิดถึงชีวิตในวัยเด็กของตัวเอง

ในชีวิตของผมตั้งแต่เด็ก เคยเจตนาเป็นขโมยซะหลายครั้ง แต่ที่จำได้ติดใจเลยก็คือ...

หลายคนคงรู้จักโรคปากนกกระจอกกันบ้างนะครับ เป็นแผลที่มุมปากไง ตามความเชื่อแล้วคนที่เป็นโรคปากนกกระจอก วิธีรักษาตามความเชื่อก็คือต้องไปขโมยน้ำตาลปี๊บกินแล้วจะหาย

ดังนั้นปฏิบัติการโฉดจึงเริ่มขึ้นทุกครั้งที่ผมเป็นปากนกกระจอก ผมมักแอบไปร้านขายของชำแถวบ้าน แล้วเอานิ้วไปป้ายน้ำตามปี๊บจากปี๊บมากิน แรกๆ ก็กล้าๆ กลัวๆ.....ไปๆ มาๆ ชักติดใจแอบควักกินทุกครั้งเรื่อยไป เพราะอร่อยดี

นี่นั่นแหละครับการเป็นขโมยที่จดจำได้ดีในวัยเด็ก

แล้วเพื่อนๆ ล่ะเคยเป็นขโมยกันบ้างป่ะ

Wednesday 11 June 2008

Variety

สดๆ ร้อนๆ จาก Lund University คือว่า Programme Coordinator ของหลักสูตรที่ผมจะไปเรียนเพิ่งแจ้งรายชื่อนักศึกษามาให้

อ่านแล้วจาเป็นลม!!!!

แล้วอะไรเล่าที่จะทำให้ถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้งได้ ก็ไม่อะไรหรอกแค่รู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาจากไหนบ้างก็ลมจะจับแล้ว

ทั้ง Uganda Etiopia Belarus Russia Ecuador Mexico Tadzjikistan Ireland Eritrea Germany Thailand (หนึ่งเดียวของเรา คือผมเอง) Central Africa Tanzania Korea Zimbabwe Zambia U.S.A. Kenya Bostwana Romania Panama Turkey Iceland Brazil Japan Tanzania China France Litaunia Uzbekistan Jordan Nigeria Canada Azerbaijan Ukrain Bangladesh

เป็นไงล่ะ ท่าทางงานจะเข้าซะแล้วครับ สำหรับผม

อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่า "ความหลายหลายทางเชื้อชาติ" ของจริง

คาดว่าคงจะมีเรื่องราวหนุกๆ เกิดขึ้นมากมายแน่ๆ เอาเป็นว่าเพื่อนๆ อย่าลืมติดตามชม ติดตามฟังกันล่ะคร้าบ



K-JAY

Monday 2 June 2008

New Semester

ชีวิตการเป็นอาจารย์กลับมาอีกแล้ว !!!!!!

ภาคการศึกษาใหม่เริ่มขึ้นแล้ว ชีวิตภายในรั้วมหาวิทยาลัยเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น ผมยังคงต้องรับผิดชอบสอนอีก 3 รายวิชาก่อนที่จะไปเรียนต่อ (ตอนแรกนึกว่าจะสบายซะแระ)

ก่อนไปเรียนต่อก็หวังว่าจะจะได้ถ่ายทอดความรู้แก่นักศึกษาซะนิดซะหน่อย พอกล้อมแกล้มไปกันได้เล็กๆ น้อยๆ

ตอนนี้กำลังวางแผนไปเที่ยวส่งท้ายซะหน่อยก่อนไปเรียน เด๋วตกลงจะได้ไปเที่ยวที่ไหนจะเอามาแชร์กะทุกคนน้า เพราะตอนนี้มีหลายทางเลือกมั่กๆ

อยากฝากบอกเพื่อนๆ ว่าอย่าหักโหมทำงานกันจนมากมาย หาเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองบ้าง อย่างน้อยไปไหนไม่ได้ก็หาเวลาที่จะอยู่กับตัวเองบ้างก็ดีนะครับ

ป.ล. AF5 มาแล้ว ขอให้ทุกคนมีความสุขในการชมนะครับ อิอิอิ