Tuesday 5 January 2010

Starving

ภาพจำในทางบวกเกิดขึ้นมากมาย ไม่แพ้ภาพจำในทางลบที่ทำให้ประสบการณ์ร่วมครั้งนี้น่าจดจำอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่หนาวเหน็บกว่า -30 องศา ความยากเย็นในการยัดตัวลงไปในเสื้อผ้ากองใหญ่ซึ่งเยอะตลอดเวย์ ความรู้สึกเมื่อหนาวจนฝน ขนตา ขนคิ้ว เป็นน้ำแข็งน่ะ มันหนาวขนาดไหน บรรยากาศการทำตัวเป็นสัมภเวสี หาที่ลงไม่ได้ล่องไปมาหาที่นั่งกินข้าว หรือที่เม้าท์ยามค่ำคืนบนรถไฟ การถูกไล่ออกจาก restaurant เพราะเอาสปาเก็ตตี้ ไปนั่งกินอย่างสบายใจเฉิบ การคัดสินใจผิดในการทุบหม้อข้าวทิ้งเสียหายครั้ง ที่นำไปสู้ภัยพิบัติเสียหลายหน ซึ่งก็หาได้ใส่ใจไม่


แต่การไม่พูดถึงหายนะเรื่องขาดแคลนอาหาร ก็คงผิดไป ซึ่งหากจะย้อนเรื่องนี้แล้ว คงโยงเข้ากฎเหล็กการแบ็กแพ็กของผมได้ดีทีเดียว ข้อหนึ่งของกฎนั้นก็คือ การอย่าหวังน้ำบ่อหน้า หลายเหตุการณ์ในทริปนี้ เราหวังจะไปพึ่งน้ำบ่อหน้ามากไป ทำให้ตั้งแต่เหยียบเท้าถึงอบิสโก หน้าตาทุกคนที่ยิ้มแย้ม กลับหุบลงอย่างมิได้นัดหมาย เมื่อพบว่าร้านค้าทุกร้านปิดหมดแล้ว และพวกเราจะไม่มีอะไรกินไปอีก 2 วัน หน้าแต่ละคนนี่เกินบรรยาย แอบฮา!







ดีที่ลุงเอลีออน แกใจดีเอาบะหมี่มาขายต่อ แถมให้สาวไทยบริหารเสน่ห์เล็กน้อยลุงก็ใจอ่อนให้แครอทมาสองหัว พริกปาปริกา 3 เม็ด กะหล่ำปลีอีกนิด น้ำมันหอยอีกหน่อย แถมหาเนื้อกลางเรนเดียร์ให้เราครึ่งกิโล พอให้เราประทังหิวไปได้


วันต่อมายังเอาเนื้อกวางมูซมาให้เราอีกครึ่งกิโล และแบ่งเอาข้าวบาสมาติมาขายให้อีกแก้วนึง ราคา 7 โครน (ลดลงมาจาก 14 หลังการบริหารเสน่ห์ของสาวไทย) ทำให้เรามีข้าวต้ม กินกับเนื้อกวางมูซผักน้ำมันหอยพริกไทยดำกิน เป็นอาหารฉลองปีใหม่มื้อยอดเลยทีเดียว


วันต่อมาวันปีใหม่ พวกเราก็ได้ไปฉลองมื้อใหญ่ที่ Abisko tourist information สวาปามบุฟเฟต์ราคา 80 SEK ไปเต็มคราบเลย....








ความหิวที่ Lappland นอกจากจะสร้างประสบการณ์ให้ผมจดจำมากมายแล้ว หลายคนอาจคิดว่าเป็นภาพจำด้านลบ แต่สำหรับผม ณ เวลานี้มันเป็นภาพจำด้านบวกที่ทำให้ผมยิ้มได้เสมอเมื่อคิดถึง :)

No comments: