Monday 22 September 2008

Study aboard

การเรียนหนังสือในต่างประเทศนั้น เป็นความใฝ่ฝันของผมตั้งแต่เด็ก ถ้าบอกอย่างนี้จะเชื่อไหม?

ตั้งแต่เด็กผมอยากไปเรียนต่างประเทศ ตามความคิดในสมัยนั้นว่ามันคงจะหรูดีนะ หากได้ไปเรียนจบจากต่างประเทศมา จากจุดนี้เองก็เป็นการจุดประกายให้ผมพยายามที่จะศึกษาภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เพื่อที่ว่าสักวันหนึ่งในอนาคต สิ่งนี้แหละจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการจะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศของผม

ผมลืมความคิดเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศไปยาวนานพอควรเกือบ 5-6 ปี กระทั่งเกือบจบปริญญาตรี ผมก็เริ่มมีความคิดเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศมากขึ้น ผมพยายามหาข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศจำนวนมาก และที่สำคัญคือหาข้อมูลทุนการศึกษาด้วย เพราะครอบครัวผมก็คงไม่มีเงินมากพอที่จะทำให้ผมคิดอยากทำโน่นนี่ได้ตามใจ

ผมบุกไปสถานทูตของหลายประเทศ เพื่อติดต่อเกี่ยวกับทุนการศึกษา โดยเฉพาะประเทศที่คนมักไม่ค่อยสนใจ เช่น แม็กซิโก เปรู กรีซ รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหาข้อมูลในประเทศที่คนสนใจ ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ หรืออเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศส ผมเอาหมดแหละ แล้วก็ไม่ลืมประเทศไทยด้วย เอาเข้าจริงผมว่าการหาและทำความเข้าใจข้อมูลเรื่องทุนนี่แหละที่ทำให้ผมมีพัฒนาการด้านภาษามากขึ้นมาโดยไมรู้ตัว

กระทั่งปัจจุบัน ผมกำลังศึกษาต่ออยู่ที่ประเทศสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่ผมกลับไม่เคยหาข้อมูลเลย ผมมาศึกษาที่ประเทศนี้ในหลักสูตรปริญญาโทกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ในมหาวิทยาลัยลุนด์ ทั้งๆ ที่ผมกลับไม่ค่อยมีข้อมูลของหลักสูตรและมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่ในหัวเลย

การศึกษาที่ประเทศสวีเดนนั้น ผมไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนก็จริง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ค่ากินค่าอยู่ต้องจ่ายเองทั้งหมด แต่จนที่สุด ผมมาศึกษาที่นี่โดยได้รับทุนการศึกษาค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเดินทางโดยเครื่องบิน ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ จาก Swedish International Development Cooperation Agency และ Raoul Wallenberg Institute, Faculty of Law, Lund University โดยที่ผมกลับไม่เคยมีข้อมูลของทุนการศึกษานี้มาก่อน แต่ทุนกลับเป็นฝ่ายเลือกผมขึ้นมาเองจากบรรดาผู้ที่เข้าศึกษาที่นี่กว่า 40 คน

ทีนี้ ทุกคนคิดเหมือนผมบ้างไหมครับว่า ชีวิตคนเราโอกาสมันไม่ได้ผ่านเข้ามาบ่อยนะ ถ้ามันผ่านมาก็หยิบฉวยมันไว้เลย แต่ถ้ามันยังไม่ผ่านมา เราก็จงอย่านิ่งนอนใจ เร่งสร้างโอกาสที่จะให้โอกาสดีๆ เหล่านั้นผ่านเข้ามาในชีวิตของเราอยู่เสมอ การเตรียมตัวอยู่เสมอ เพื่อที่ว่าเมื่อสักวันมันผ่านมา เราก็พร้อมที่จะรับโอกาสนั้นได้โดยไม่มีเงื่อนไข นั่นเอง

ดังนั้นผมจึงขอสรุปว่า "การรอให้โอกาสดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้น ไม่ใช่การนั่งรอ นอนรอ หากแต่เป็นเฝ้าการรออย่างมีหวัง และการสร้างพลังที่จะไขว่คว้าโอกาสเหล่านั้น เมื่อมันผ่านเข้ามาในชีวิตเราต่างหาก"


No comments: