Thursday 12 June 2008

Mump

วันนี้อารมณ์ดีเลยมีเวลานั่งคิดถึงเรื่องสมัยเด็กมากมาย สิ่งหนึ่งที่คิดถึงก็คือกีฬาที่เล่นในวัยเด็ก กีฬาอีกอย่างที่ผมเล่นเป็นประจำก็คือกีฬา "เป่ากบ"


วิธีการเป่ากบก็ง่ายแสนง่ายมีอุปกรณ์แค่หนังยางวงใหญ่ 2 เส้น หาซื้อหรือจะขอจากเพื่อนผู้หญิงที่มีก็ได้ เพราะผู้หญิงมักมีเยอะเพื่อใช้ถักหนังยางสำหรับกระโดดอยู่แล้ว สถานที่ไม่จำกัดขอให้เป็นที่ราบเรียบๆ เช่นโต๊ะเรียนนั่นแหละเหมาะเหม็ง











วิธีการเล่นก็ง่ายแค่ฝึกเลือกลักษณะหนังยาง การคำนวณระยะทาง การปล่อยลมออก สังเกตการเข้ากินฝ่ายตรงข้าม ต้องเปิดปากเป่า เพื่อให้หนังยางกระโดด ไปกินฝ่ายตรงข้าม เมื่อถึงตาเราเป่า

ผู้แพ้ก็ต้องเสียหนังยางหนึ่งเส้นให้กับผู้ชนะทุกทีไป ผมเริ่มจากกการที่ขอหนังยางจากพี่ตามสเต็ปเดิม แล้วก็แข่งจนได้หนังยางเป็นกระบุงเลย แต่เข้าอีหรอบเดิม คือหนังยางอันตธานหายไปหมดแล้ว

เล่ามาถึงตอบนี้คงจะไม่อาจไม่กล่าวถึงกีฬาอีกอย่างที่เป็นที่ป๊อปปูลาร์ คือการเขี่ยรูปลอก อิอิ หลายคนคงจำได้ อุปกรณ์คล้ายๆเป่ากบ แต่เปลี่ยนเป็นรูปลอก แล้วสองฝ่ายผลัดกันเขี่ยให้รูปลอกมากินกัน คือ หน้าทับหลัง หรือหลังทับหน้า ใครชนะก็ได้รูปลอกนั้นไป โอ๊ย นึกถึงแล้วมีฟามสุข.........................


แล้ว.....................ไอ้ที่เล่ามันไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อเลย แต่ที่เกี่ยวคือสมัยนั้นเขามักเชื่อกันว่าเวลาเป่ากบมากๆแล้วจะทำให้เป็นโรคคางทูม พอดีเล่าแล้วสนุกเลยเลยเถิดไปกันใหญ่


Mump ตามหัวข้อ คือ โรคคางทูม ไอ้โรคคางทูม อาการอักเสบของต่อมน้ำลาย ถ้าเป็นในเด็กสาเหตุที่พบบ่อยก็คือคางทูม ซึ่งเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ปกติสามารถหายเองได้ ลักษณะอาการที่อาจจะพบร่วมด้วยได้ก็คือ มีอาการปวดเสียวมากขึ้นเวลาที่ต่อมน้ำลายทำงาน เช่นเมื่อลิ้นรับรสเปรี้ยว เป็นต้น


แต่สมัยนั้นวิธีการรักษาก็คือการเขียนเสือ อิอิ ฟังไม่ผิดครับ การเขียนเสือ คือการเอาพู่กันจีนจุ่มหมึกดำแล้วเขียนคำว่าเสือในภาษาจีนไว้ที่แก้มข้างที่เป็นคางทูม ต้องทิ้งไว้หลายวันด้วย



แล้วผมจะรอดเหรอ นึกถึงเรื่องคางทูมทีไป เป็นต้องนึกถึงภาพผมตอนเป็นคางทูมและมีการเขียนเสือไว้ที่แก้ม เวลาไปโรงเรียนใครเห็นก็เป็นที่รู้กันเลยว่าผมเป็นคางทูมอีกแระ



สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กผู้ชายในสมัยก่อน ลองมาทำตอนนี้สิ รับรองแค่ก้าวออกจากบ้าน สายตาทุกคู่เป็นได้จับจ้องมาให้อายกันเป็นแน่แท้

No comments: