Tuesday 12 May 2009

Italy trip V: Verona

"ไม่มีโลกหล้าใดที่ปราศจากป้อมปราการแห่งเวโรนา, แม้แต่ความทรมาน และขุมนรก.... ดังนั้น การถูกเนรเทศก็เสมือนดั่งการถูกขับออกจากโลกแห่งนี้ี้ และการถูกขับออกไปเพื่อพรากจากโลกแห่งนี้เพียงทางเดียวก็คือ ความตาย...."

(Shakespeare, "Romeo and Juliet", Atto III, Scena III)




หากจะกล่าวถึงวิลเลี่ยม เช็กสเปียร์ แล้ว หลายคนคงนึกถึงวรรณกรรมอันเลื่องชื่อของเขาก็คือ โรมิโอแอนด์จูเลี่ยต และเรื่องราวความรักของโรมิโอและจูเลี่ยตนี้ก็จบลง ณ เมืองแห่งนี้ เมืองแห่งความรัก......เวโรนา


.........................................................................


ดังนั้นเมื่อมาถึงอิตาลีแล้ว ผมจึงไม่พลาดที่จะเดินทางไปยังเมืองเวโรนา เพื่อซึมซับบรรยากาศของเมืองแห่งโรมิโอและจูเลียต ที่เมืองเวโรนานี้อาคารและสถาปัตยกรรมของเมือง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจาก UNESCO ตั้งแต่ปี 2000




หลังจากเมื่อคืนนี้ผมใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงในการเดินทางกลับมายังมิลาน เลยทำให้หลับเป็นตาย แต่อย่างไรก็ดี วันนี้ผมก็ต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อที่จะเดินทางไปยังเวโรนา ซึ่งต้องนั่งรถไฟออกจากมิลานไปประมาณ 2 ชั่วโมง


หลังจากนั่งรถไฟจากมิลานมาสองชั่วโมง ผมก็มาถึงสถานีรถไฟที่เมืองเวโรนาครับ จากสถานีรถไฟหลังจากได้แผนที่เมืองมาก็รีบเร่งเดินเท้าเข้าเมืองอย่างเร็วรี่


เดินตามสายถนนหลักสักพักก็เข้ามาถึงเมืองครับ จะเจอกับซุ้มประตูเมืองโบราณและ ถัดมาก็จะพบกับรูปหล่อของวิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ พร้อมคำจารึกซึ่งเป็นบทประพันธ์จากเรื่องโรมิโอแอนด์จูเลียต







สถานที่แรกที่ผมได้เข้าไปเยี่ยมก็คือ Verona Arena ซึ่งมีลักษณะเหมือน โคเลเซี่ยมในกรุงโรม ที่มีไว้สหรับการต่อสู้แบบ Gradiators ซึ่งที่เวโรนานี้ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ครับ







หลังจากชมอารีนาแล้ว อาหารมื้กลางวันก็มาถึง เนื่องจากวันนี้ที่เวโรนามีเทศกาลอาหารพอดี เลยไม่พลาดที่จะชิมอาหารของอิตาลี่ มื้อกลางวันนี้เลยฝากท้องไว้กับ Risotto ครับผัดกับหน่อไม้้ฝรั่ง กินแล้วรสชาติมันอิตาเลี้ยน อิตาเลี่ยนๆๆๆ






พอท้องอิ่ม ก็เป็นการเดินทางไปยังเป้าหมายหลักของทุกคนที่เดินทางมาที่เมืองเวโรนาแห่งนี้ นั่นก็คือการเดินทางไปยังบ้านในตำนานรักของโรมิโอและจูเลี่ยต คือที่บ้านของจูเลียต วิธีเดินทางไปยังบ้านของจูเลียตที่ง่ายที่สุดคือการปิดแผนที่ แล้วเดินไปตามฝูงชน เขาจะนำคุณไปยังบ้านของจูเลียตอย่างแน่นอน

เดินตามมาสักพักก็จะพบป้ายหน้าบ้านว่า Casa di Glulietta พร้อมกับมือรอยปากกาที่เขียนตลอดทางเพื่อขอให้สมหวังในความรัก (เอ....แต่ตามบทประพันธ์ ความรักนี้มันไม่สมหวังนี่นา ????)







ภายในด้านใน บ้านยังมีรูปหล่อทองเหลืองของจูเลียต ที่ทุกคนที่มาต้องไปถ่ายภาพและเอามือสัมผัสหน้าอกจูเลียต เพื่อให้สมหวังในความรัก ซึ่งผมก็ไม่พลาด อิอิ

จากภาพเราจะเห็นระเบียง หรือ Balcony ที่ตามบทประพันธ์คือสถานที่ที่โรมิโอบอกรักจูเลียตในคืนนั้น




ภายในบ้านปัจจุบันจัดเป็นพิพธภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องไปตามบทประพันธ์ บางคนอาจคิดว่าสถานที่นี้เป็นเพียงการสร้างหรือจำลองขึ้นมาตามบทประพันธ์ แต่อย่างไรก็ดี ผมกลับเห็นว่าที่แห่งนี้มันมีมนต์ขลังแห่งความรัก ลอยตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ผมสามารถสัมผัสได้จากนักท่องเที่ยว ณ ที่แห่งนี้ ทุกคนยิ้มแย้ม สดใส


และที่สำคัญคู่รักจำนวนมากต่างเดินทางมาที่นี่ เพียงเพื่อวัตถุประสงค์เดียว คือการสัมผัสอานุภาพแห่งความรักของทั้งคู่ นั่นเอง

No comments: