เช้านี้ผมต้องขึ้นรถไปขบวน ออกจากที่ลุนด์ประมาณ ตีห้าสี่สิบ ดังนั้นต้องออกจากที่พักตั้งแต่ตีห้าสิบห้า ดีนะที่ตอนนี้เข้าใบไม่ร่วงแล้ว ตีห้านิดๆ พระอาทิตย์ก็อยากจะแยงเเสงแล้ว การเดินออกจากบ้านตอนตีห้า เลยไม่ลำบากมากเท่ากับการเดินไปเรียนตอนแปดโมงเช้าในฤดูหนาว
ถึงสนามบินแล้วก็จัดแจงเช็คอินเองกับเครื่อง และค่อยนำเอากระเป๋าไปโหลด แต่อย่างที่บอกที่แถบนี้เขาเชื่อมั่นในระบบ ดังนั้นเราต้องเช็คอินเอง แล้วถึงเอาสัมภาระไปโหลดกับพนักงานเท่านั้น (เฉพาะสายการบินสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ SAS)
ด้วย ความที่ต้องรอเกือบชั่วโมงครึ่ง ความหิวเริ่มมาเยือน แต่ไม่สามารถครับ เพราะเงินเดนก็ไม่ได้พกมา ต้องยอมกินน้ำประทังไปเพื่อให้ถึงมิลานแล้วค่อยว่ากัน
เครื่อง บินออกจากโคเปน ใช้เวลาประมาณ 2.15 ชม ก็เดินทางมาถึงสนามบินมาลเปนซา เมื่องมิลาน ประเทศอิตาลี่ ซึ่งสนามบินวันนี้คนโล่งมาก แต่เพิ่งรู้ว่าการถือพาสปอร์ตเชงเก้น มันสบายอย่างนี้ เข้าออกประเทศในยุโรปง่ายและสบายมากๆ
จากสนามบินให้เวลาประมาณชั่วโมงนึงกับการนั่งบัสเข้ามายัง Milano Centrale หรือบ้านเราก็คือห้วลำโพงนั่นเอง เพื่อเดินทางไปยังที่พักต่อครับ มาถึงตอนนี้ก็เริ่มหอบแล้ว เพราะอากาศมันร้อนมาก ร้อนที่สุดในรอบสิบเดือนที่ผ่านมา สิบเดือน ก็เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่เหงื่อออกประหนึ่งไปเต้นแอโรบิค
ต่อมาก็แผนที่เท่านั้นที่เราต้องการ เดินจากสถานีรถไฟไปยังที่พักไม่ไกลเท่าไหร่ เพราะเลือกเอาไว้ใกล้ๆ น่ะขี้เกียจเดิน แล้ววันรุ่งขึ้นก็ต้องมานั่งรถไฟอีก ดังนั้นวิธีนี้คงเซฟเวลาได้เยอะทีเดียว
ห้องพักคืนแรกนี้ขอแบบหรูนิดนึง ก็เลยไปพักโรงแรมครับ ชื่อว่า Hotel Delle Nazioni Milano เลือกแล้วก็ก็ยังดันเราหรูแพงระยิบซะ 46 ยูโร 555+++
จากโรงแรมเป้าหมายแรกครับคือการไปดูโบสถ์ของเมืองมิลาน หรือที่เขาเรียกว่า Milano Duomo จาก Centrale นั่งรถไฟใต้ดินสายสีเหลือง เบอร์ 3 ไปประมาณ 4 ป้ายก็ถึง
จากนั้นเมื่อเราเดินออกมาด้านเปียซ่า หรือลานหน้าดูโอโม่ เราก็จะกลายเป็นคนที่ป็อบปูล่าทันใด เพราะจะมีบรรดาชาวผิวสีเข้ามาตีสนิท เพื่อขายเชือกผูกข้อมมือให้ คาดว่าคงหลายบาทอยู่ ดังนั้นวิธีเดียวคือทำหน้าบึ้ง มือถุมกระเป๋าตังค์ ตั้งหน้าตั้งตาเดิน ไม่ต้องสนใจครับ (เชอะเชือกแบบนี้แถวสำเพ็งเยอะแยะ ไม่ต้องถ่อสังขารมาสรรหาถึงมิลานหรอก)
ภายในโบสถ์ก็สวยมากครับ กระจกสีเต็มผนัง โอ่โถงมาก แต่ไฮไลท์ของการมาที่โบสถ์ ไม่ได้อยู่ที่ในโบสถ์ครับ แต่มันอยู่ที่หลังคาโบสถ์ ที่เราต้องไม่พลาดที่จะขึ้นไป
ผมตัดสินใจเดินขึ้นหลังคาโบสถ์แทนการขึ้นลิฟท์ เพราะเสียเงินค่าขึ้นเพียง 5 ยูโร ถูกว่าลิฟท์ ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มอีก 3 ยูโร

แต่เอาจริงๆ ดูไปดูมา เหมือนไปถ่ายรูปที่วัดร่องขุ่น เชียงรายเลย
รอบ่ายสักนิดก็ลงมาเพื่อกลับที่พัก เพราะร้อนมากอยากอาบน้ำ เหนียวตัวไปหมด เฮ้อออ....
แต่ขากลับก็ไม่ลืมที่จะเดินที่ถนนแฟชั่นแบรนด์เนม เอ็มมานูเอลสักนิด แต่ซื้อของไม่ลงเพราะแพงมาก แต่ขึ้นชื่อมาว่าทั้งทีก็เลยใช้เงินนิดเกียวกับการกินไอศกรีมครับ อร่อยม๊ากกก
ปล ตามไปดูรูปมิลานกันได้ ที่นี่
2 comments:
ว้าว ดูผจญภัยดีจังงง ><~
Ciao Singnor Kitto Macro
แหม..ทำเหมือนรายการ Princess Diary เลยนะ (ช่วงเค้ามีเรามี) เล่นเอา อิลดูโอโม่ ไปเทียบกับ วัดร่องขุ่น เนี้ยนะ ? หรือเอา ก่อนโด๊ลา เทียบกับ เรือท้องแบนแถวบ้านเงี้ย แล้วจะถ่อสังขารไปเที่ยวทำมัยหว่า..
Post a Comment