Saturday 24 April 2010

Waiting

การรอคอย เป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะทำใจยากในการที่จะเผชิญกับมัน แต่สำหรับผม ผมคิดว่าการรอคอยเป็นหนึ่งด่านสำคัญที่จะฝึกความอดทนของเรา ยิ่งถ้าการรอคอยนั้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเราแล้ว การจะไปเร่ง หรือบังคับให้การรอคอยสิ้นสุดก็คงยาก มันคงอยู่นอกเหนือการบังคับ ควบคุมของเรา

ดังนั้น การรอคอยคงเป็นด่านวัดขันติธรรมเป็นแน่แท้

ผมฝึกการรอคอยมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วัยเยาว์สิ่งที่ฝึกธรรมะเรื่องความอดทนและใจเย็นให้ผมกลับเป็นอกุศลกรรมเสียนี่ ก็คือ การตกปลา จับแมลงปอ จับตั๊กแตน จับแมลงทับ อกุศลล้วนๆ

แต่อย่างไรก็ดี อกุศลกรรมเหล่านี้กลับสร้างภูมิคุ้มกันการรอคอยให้กับผมอย่างดี ผมสามารถนั่งรอคอยโดยไม่รู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนได้นานมากมายโดยสบายๆ

และการไปเที่ยวครั้งล่าสุดผมก็ได้พิสูจน์ขันติธรรมข้อนี้อีกครา

  • การรอคอยครั้งแรกเริ่มการการที่เที่ยวบินจาก Katowice, Poland เพื่อไปยัง Brussels, Belgium ถูกเลื่อนเวลาออกไปครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะประกาศว่าสนามบินที่เบลเยี่ยมปิด แลัเครื่องจะต้องบินไปลงที่บอนน์ ในเยอรมนีแทน


ผู้คนจอกแจกจอแจ เพราะต่างก็ไม่เข้าใจเหตุผลของการเปลี่ยนจุดหมายการบินกระทันหัน คงเพียงแต่ทราบว่ามัปัญหาเรื่องการบิน ดังนั้นเกือบสองชั่วโมง ที่ผมต้องยืนรอเพื่อขึ้นเครื่อง จนกว่าเครื่องจะขึ้น

  • การรอคอยเพื่อเดินทางจาก Brussels, Belgium ไปยัง Amsterdam, Netherlands อย่างแรกคือด้วยเพราะเครื่องบินถูกระงับหมด ดังนั้นช่องทางง่ายและถูก คือการนั่งรถบัส ผมเดินทางไปจองตั๋ว อย่างแรกคือต้องรอคิวนานมาก เพราะผู้คนต่างตกค้างมากมาย


ผมกะจะเดินทางรอบตอน 11 โมง แต่ก็ได้ตั๋วรอบบ่ายโมง ดังนั้นต้องนั่งรอเกือบ สามชั่วโมง

แต่บ่ายโมงก็แล้ว บ่ายสองก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววของรถเลย ผู้คนเริ่มเบื่อ ทยอยกันออกมานอนตากแดดที่ลานริมถนน


เืกือบบ่ายสาม กว่ารถจะมา สรุปผมต้องนั่งรอบัสกว่า ห้าชั่วโมง

  • การรอคอยอีกครั้งคือการซื้อตั๋วรถบัสจากอัมสเตอร์ดัมเพื่อกลับลุนด์

ผมเข้าคิวกว่าชั่วโมงกว่าจะถึงเคาท์เตอร์ขายตั๋ว


รอกว่าอีกสองชั่วโมง เพื่อเช็คอิน









และในที่สุดแล้วใช้เวลากว่า 18 ชั่วโมงในการเดินทางกลับลุนด์

เหนื่อยมาก

พอกันทีกับการฝึกขันติธรรม










No comments: