ผมมีแผนการเที่ยวมากมายที่ต้องดำเนินการในช่วงของเสาร์และอาทิตย์ ทั้งการไป Untersberg Mountain, Hallstatt, Hohensalzburg, และอื่นๆ อีกมากมาย
และที่สำคัญคือการเดินทางในครั้งนี้ก็คือหาเพื่อนร่วมเดินทาง และแล้วเคราะห์ร้ายก็ไปตกกับคนคนนี้ที่ผมหว่านล้อมจะตกหลุมมาร่วมเดินทางกะผมได้ในครั้งนี้ ไม่ใช่ใครครับ ทาคาชิ คูโบตะ เพื่อนชาวอาทิตอุทัยเนี่ยะแหละ
การเดินทางของเราเริ่มขึ้นในเช้าวันเสาร์ หลังจากกินอาหารเช้า เราก็นั่งรถเมล์ไปที่สถานีรถไฟ เพื่อเปลี่ยนสายไปนั่งรถเมล์อีกสายเพื่อเดินทางไปยังเป้าหมายแรกของเราคือ เทือกเขาอุนเทอร์สเบิร์ก อยู่ออกไปจากเมืองซาลบวร์กไม่ไกลครับ
การขึ้นเขานี้ ต้องอาศัยการนั่ง cable car ขึ้นไปแล้วเดินเท้าต่อ ผมก็ไม่ได้หวั่นอะไร จิ๊บๆ
คนมาขึ้นเยอะพอควรเพราะว่าเป็นวันเสาร์ นี่ขนาดมาแต่เช้าแล้ว
หลังจากใช้วิทยายุทธ์แย่งเขากระเช้า ดันได้เข้าเป็นคนสุดท้าย อ๊ะๆๆๆ อย่านึกว่าไม่ดี เพราะของดีมันต้องอันนี้ เพราะว่าเราจะยืนติดประตูสามารถมองเห็นวิวได้ตลอดครับ
หลังจากขึ้นได้สักนิด ก็เป็นอย่างนี้เลย
กระเช้าขึ้นสูงไปเรื่อยๆ มันไม่เสียวหรอก กระทั้งมันมีเสาอยู่พอผ่านเสาที่ตั่งบริเวณหน้าผาไปมันก็เหมือนเป็นแอ่ง กระเช้าจะแกว่งเหมือนเรานั่งชิงช้าสวรรค์ แต่ที่ต่างไปคือ แกว่งอยู่บนเหวเบื้องล่าง บรรดาคนก็กรี๊ดกร๊าด ใจหายไป
นี่เป็นมุมมองที่เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน
หลังจากนั้นเราต้องเดินเขาต่อ เพราะเป้าหมายของเราคือ ไม่กางเขนด้านบนโน้นนนน ในภาพอาจมองไม่เห็นหรอกไม้กางเขน กดขยายรูปนี้ดู แล้วคุณจะเห็นความจริง ว่ามันไกลม๊ากกกก แถมตอนที่ถ่ายเนี่ยะผมเดินมากว่าครึ่งทางแล้ว ที่เหลือเนี่ยะ หนึ่งในสามได้
แต่ในที่สุดผมก็มาถึงครับ (แลกกับรองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่ที่ไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เพราะการมาปีนเขาครั้งนี้)
แถมกับได้เก็บภาพวิวอีกนิดหน่อย ก็เลย โอเคครับ จรลีลง เพราะว่าต้องไปที่อื่นต่ออีกหลายรายการ
แต่การเดินทางมาที่เมือกเขานี้ของผมไม่ได้มาแค่ครั้งเดียว เพราะถัดจากครั้งแรก 3 วันเมื่อบิ๊กมาเที่ยวที่นี่(ซาลบวร์ก) ผมก็ขันอาสาเป็นไกด์ ก็พามาที่นี่อีกครั้ง
ครั้งที่สองของการเดินทางมาที่นี่ของผม แตกต่างจากครั้งแรก เพราะว่าเป็นวันธรรมดา ดังนั้นคนเลยน้อย จึงมีโอกาสที่ผมจะได้ชักภาพโดยไม่มีคนในภาพได้
แถมยังโชคดีตรงไปเจอนกเหยี่ยวตามธรรมชาติบนยอดเขาด้วย แต่ได้รสชาติไปอีกแบบครับ
ตามไปดูภาพกันได้ ที่นี่ ครับ
No comments:
Post a Comment