ดังนั้น การรอคอยคงเป็นด่านวัดขันติธรรมเป็นแน่แท้
ผมฝึกการรอคอยมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วัยเยาว์สิ่งที่ฝึกธรรมะเรื่องความอดทนและใจเย็นให้ผมกลับเป็นอกุศลกรรมเสียนี่ ก็คือ การตกปลา จับแมลงปอ จับตั๊กแตน จับแมลงทับ อกุศลล้วนๆ
แต่อย่างไรก็ดี อกุศลกรรมเหล่านี้กลับสร้างภูมิคุ้มกันการรอคอยให้กับผมอย่างดี ผมสามารถนั่งรอคอยโดยไม่รู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนได้นานมากมายโดยสบายๆ
และการไปเที่ยวครั้งล่าสุดผมก็ได้พิสูจน์ขันติธรรมข้อนี้อีกครา
- การรอคอยครั้งแรกเริ่มการการที่เที่ยวบินจาก Katowice, Poland เพื่อไปยัง Brussels, Belgium ถูกเลื่อนเวลาออกไปครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะประกาศว่าสนามบินที่เบลเยี่ยมปิด แลัเครื่องจะต้องบินไปลงที่บอนน์ ในเยอรมนีแทน
ผู้คนจอกแจกจอแจ เพราะต่างก็ไม่เข้าใจเหตุผลของการเปลี่ยนจุดหมายการบินกระทันหัน คงเพียงแต่ทราบว่ามัปัญหาเรื่องการบิน ดังนั้นเกือบสองชั่วโมง ที่ผมต้องยืนรอเพื่อขึ้นเครื่อง จนกว่าเครื่องจะขึ้น
- การรอคอยเพื่อเดินทางจาก Brussels, Belgium ไปยัง Amsterdam, Netherlands อย่างแรกคือด้วยเพราะเครื่องบินถูกระงับหมด ดังนั้นช่องทางง่ายและถูก คือการนั่งรถบัส ผมเดินทางไปจองตั๋ว อย่างแรกคือต้องรอคิวนานมาก เพราะผู้คนต่างตกค้างมากมาย
ผมกะจะเดินทางรอบตอน 11 โมง แต่ก็ได้ตั๋วรอบบ่ายโมง ดังนั้นต้องนั่งรอเกือบ สามชั่วโมง
แต่บ่ายโมงก็แล้ว บ่ายสองก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววของรถเลย ผู้คนเริ่มเบื่อ ทยอยกันออกมานอนตากแดดที่ลานริมถนน
เืกือบบ่ายสาม กว่ารถจะมา สรุปผมต้องนั่งรอบัสกว่า ห้าชั่วโมง
- การรอคอยอีกครั้งคือการซื้อตั๋วรถบัสจากอัมสเตอร์ดัมเพื่อกลับลุนด์
ผมเข้าคิวกว่าชั่วโมงกว่าจะถึงเคาท์เตอร์ขายตั๋ว
และในที่สุดแล้วใช้เวลากว่า 18 ชั่วโมงในการเดินทางกลับลุนด์
เหนื่อยมาก
พอกันทีกับการฝึกขันติธรรม
No comments:
Post a Comment