Friday, 16 January 2009

Teacher's day

สวัสดีครับคุณครู!!!!



วันครูได้วนมาครบรอบอีกปีแล้วครับในวันนี้ วันที่ 16 มกราคม 2552 ครู มาจากภาษาบาลีว่า ครุ ที่แปลว่าหนัก ดังนั้นภาระที่ครูคนหนึ่งแบกไว้นั้นมันหนักมาก อย่างน้อยสิ่งที่ครูทุกคนต้องแบกไว้บนบ่าตลอดเวลาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครูก็คงเป็น โอกาส



ทำไมผมถึงบอกว่าคือโอกาส ล่ะ ????



ผมต้องการบอกว่าการที่เด็กหนึ่งคนจะเติบโตขึ้นมาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา เป็นอนาคตที่ดีของชาตินั้น โอกาสเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กคนนั้นควรได้รับ โอกาสดีๆ ในชีวิตนอกจากพ่อแม่ แล้วครูนี่แหละที่เป็นคนหยิบยื่นให้เรา ดังนั้นครูคนหนึ่งต้องแบกโอกาสเพื่อหยิบยื่นให้แก่เด็ก ที่เป็นลูกศิษย์กี่คนกัน ก็ยากที่จะนับได้ ดังนั้น ภาระของครูจึงหนักมากนัก



สำหรับผมคำว่าครูจึงหนักเกินไปที่ผมจะรับไว้ได้ แม้ว่าผมจะสอนหนังสือมากว่า 6 ปีแล้วก็ตาม นักศึกษาเคยถามผมว่าถ้าผมไม่ใช่ครูแล้วผมจะเป็นอะไร อาจารย์เหรอ? หรืออะไรดี??? ผมก็บอกว่าเป็นอาจารย์ก็ได้ครูมันหนักไปสำหรับผม



แต่ที่จริงแล้ว สำหรับผมแล้ว อาจารย์ก็คงไม่เหมาะกับผมหรอก เพราะแม่แต่คำว่าอาจารย์ก็ต้องแบกโอกาสสำหรับลูกศิษย์ไว้เช่นกันแม้ว่าจะไม่มากเท่ากับครูก็ตาม



ดังนั้นสำหรับผม การสอนหนังสือ ผมทำหน้าที่เป็นคนเล่าเรื่อง เท่านั้น



ถูกแล้วครับ ก็เหมือนกับคนเล่านิทานไงครับ



ลองเทียบดูระหว่างการสอนกฎหมายกับการเล่านิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า



เวลาเราจะเล่านิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าให้เด็กฟัง เราก็ต้องถามว่าเด็กรู้จักกระต่ายไหม รู้จักเต่าไหม ถ้าไม่รู้เราก็อธิบายลักษณะ ท่าทาง นิสัยของกระต่ายกับเต่าให้เด็กฟัง เด็กที่เรียนกฎหมายก็ไม่รู้จักเหมือนกัน เราก็สอนให้เรารู้จักกฎหมาย



แล้วจากนั้นเราก็ก็เล่าเหตุการณ์ที่กระต่ายท้าวิ่งแข่งกับเต่า พร้อมกับเรายังต้องแสดงท่าทางประกอบอีก เพื่อให้เด็กเข้าใจในสิ่งที่เราสื่อให้เราฟัง ก็เปรียบกับเล่าให้เด็กๆ ฟังว่า กฎหมายนี่น่ะ เขียนอย่างนี้ ใช้ยังไง เคยมีกรณีไหนบ้างที่เขาเอาไปใช้กัน แล้วผลเป็นอย่างไร ฟ้องกันแล้วผู้พิากษาตัดสินว่าอย่างไร



จากนั้นตอนจบเรื่องกระต่ายกับเต่าสอนให้เรารู้ว่าควรตั้งตนในความไม่ประมาท ผมก็สอนว่าการใช้กฎหมายที่ถูกต้องเป็นอย่างไร



ในชีวิตจริง เด็กๆ ประมาทหรือไม่ขึ้นแต่กับแต่ละบุคคล เช่นเดียวกับนักกฎหมายก็ใช่จะใช้กฎหมายถูกต้องทุกคน



นักศึกษาของผมก็คือเด็ก ผมเป็นคนเล่าเรื่องราวตัว เต่ากับกระต่ายก็คือกฎหมายที่ผมสอน เหตุการณ์วิ่งแข่งก็คือเรื่องราวที่กฎหมายไปเกี่ยวข้องนั่นเอง ส่วนคติของเรื่อง มันก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล




ผมจึงเป็นเพียง คนเล่าเรื่องเท่านั้น..............................



เข้าใจหรือยังล่ะ


แต่เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรก็มีความปรารถนาดีให้เด็กๆ ลูกศิษย์ นักเรียน นักศึกษาก็พอแล้ว

No comments: