ด้วยเหตุที่ผมไปติดอยู่บนยอดโดมของดูโอโม่ ดังนั้นจึงตกรถไฟไปซะ ทีนี้เที่ยวต่อไปก็มีเววลาอีกประมาณเกือบชั่วโมงครับ หลังจากไปดูเดวิด แลพเดวิดน้อยแล้ว ก็เดินกลับมาที่สถานีรถไฟครับ ไม่ไปไหนแระ เหนื่อยมากแล้ว เพราะการขึ้นดูโอโม่ที่นี่มันทั้งสูงทั้งชัน
รถไฟออกจากฟิเรนเซ่ ประมาณ 4.40 น. แล่นอย่างหวานเย็นสุดๆ กว่าจะถึงปิซ่าก็เกือบหกโมงเย็น!!!!!!
ความวิบัติมาเยือนอีกแล้วครับ
- ปิซ่าปิดทุ่มนึง
- จะไปอย่างไร ยังไม่มีข้อมูล
- รถไฟกลับมิลานออกจากปิซ่าทุ่ม หกนาที
การทำงานท่องเที่ยวเชิงกายภาพจึงเริ่มขึ้น ไม่ใช้ทัวร์ชะโงก ไม่ใช่ทัวร์ฉี่ แต่มันคือทัวร์หายใจ แบบว่าไปถึงแค่หายใจฝากลมไว้หน่อยก็กลับแระ
หาข้อมูลจากผู้คนแถวนั้นสักพัก ก็ทราบว่าจะไปดูหอเอนเนี่ยะ ต้องขึ้นรถเมล์ที่เขียนว่า Lam Rossa จากหน้าสถานีรถไฟไปซักสี่ห้าป้ายครับ ค่ารถคนละ 1.5 euro
นั่งรถมาสักพัก ผมก็มาถึงที่หมายแล้วครับ หอเอนเมืองปิซ่า........ก็เป็นกลุ่มอาคารสี่หลังครับ หอเอนอยู่หลังสุดท้าย
จากข้อมูลที่หามาทราบว่าก่อนนี้หอเอนถูกระงับไม่ให้ขึ้น เพราะว่ามันเอนไปเรื่อยๆ จนเขากลัวมันจะถล่มสักวัน ได้มีการค้นหาวิธีที่จะทำให้หอเอนมันเอนกลับ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งราวๆ ปี 2001 ก็ได้มีการค้นพบวิธีใหม่คือการขุดดินฝั่งตรงข้าม แล้วก็สามารถกู้หอเอนให้เอนกลับมาได้ราว 16 นิ้ว และเป็นเครื่องยืนยันว่าหอเอนจะตั้งอย่างนี้ไปอีกอย่างน้อย 300 ปีครับ ตอนนี้จึงอนุญาตให้คนขึนหอเอนได้แล้ว แต่ผมไม่มีเวลา และขาก็ยังยืนสั่นอยู่เลย เป็นผลมาจากดูโอโม่ที่ฟิเรนเซ่ ก็เลยขอบายครับ ขอชักภาพเป็นหลัก
และจากที่ทราบผมต้องทำงานแข่งกับเวลา ดังนั้นมาถึงแล้วก็ถ่ายๆๆๆๆๆๆ และไม่ลืมท่าโพสบังคับของหอเอนแห่งเมืองปิซ่าครับ
สักพัก ก็กลับออกมา และนั่งรถกลับมาสถานีรถไฟ เพื่อมารอขึ้นรถหวานเย็นอ้อมกลับไปยังมิลาน ซึ่งประมาณ 23.20 น. ผมก็กลับถึงมิลานด้วยสภาพที่ง่อยเปลี้ยเสียขาเลย ต้องรีบกลับไปนอนเอาแรงก่อนที่รุ่งขึ้นจะต้องไป เมืองเวโรนา และเวเนเซีย (เวนิซ) ในเช้าวันรุ่งขึ้น
แวะชมภาพปิซ่าได้ ที่นี่ครับ
No comments:
Post a Comment