ขึ้นชื่อว่ามาเรียนถึงประเทศแถบชาวไวกิ้งทั้งที เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็เลยสบโอกาสไปทำตัวเป็นชาวไวกิ้งกับเขาเสียหน่อยครับ
ที่พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง หรือ Koggmuseet ที่มาลเมอเนี่ยะ แต่ละปีในช่วงสปริงถึงฤดูร้อนของทุกปี เขาจะจัดกิกรรมโดยการเอาเรือไวกิ้งโราณออกล่องในทะเลครับ ซึ่งปีๆ นึงก็จะมีการล่องประมาณ สิบกว่าวันเท่านั้น แถมล่องวันละเที่ยวเดียว เท่ากับปีละสิบกว่าเที่ยวเอง วันนี้ก็เลยเป็นเป้าหมายในการเดินทางมาทำตัวไวกิ้งสไตล์ของเด็กไทยในเมืองลุนด์ครับ
ออกเดินทางจากลุนด์ซีแต่เช้า เป้าหมายอยู่ที่มาลเมอซีครับ แต่วันนี้ตื่มมาท่าฟ้าฝนคงไม่ค่อยเป็นใจให้เด็กไทยไปนั่งเรือไวกิ้ง ด้วยเหตุว่าเป็นการนำเงินตราออกนอกประเทศโดยไม่จำเป็น เพราะที่เมืองไทยดรีมเวิล์ดก็มีไวกิ้ง
มาถึงที่ค็อกมิวเซียมได้สักพัก ก็เดินเล่นเราจึงเห็นเรือไว้กิ้งโบราณเทียบอยู่ที่ท่า ดังนั้นตอนนี้เราจึงมาสันนิษฐานกันว่า ไอ้ที่จอดอยู่มีสามอย่าง คือลำใหญ่ ลำเล็ก และแพ ตกลงวันนี้มันจะเอาเราลอยอันไหนอ่ะ
รอสักพักฟ้าเริ่มเปิดมากขึ้น ฝนเริ่มซาไป อากาศเริ่มเย็นและชื้น ไม่นานเจ้าหน้าที่ที่สวมชุดไวกิ้งก็มาเรียก และพาพวกเราไปขึ้นเรือลำใหญ่ครับ
จากด้านข้างพิพิธภัณฑ์ เรื่อไวกิ้งก็มุ่งหน้าออกจากฝั่ง เป้าหมายคือกลางทะเลครับ ไอ้ตอนเริ่ม ก็สนุกสนาร่าเริงเลยครับ โอ้วได้มาขึ้นไวกิ้งของจริงก็วันนี้ สักพักอากาศรอบข้างกลางทะเลเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ หน้าที่ทาครีมอย่างหนามาจากบ้านเริ่มประทะลมกลางทะเลจนตึงเหมือนเพิ่งเสร็จจากการศัลยกรรมดึงหนังหน้าไปเก็บหลังหู
อากาศเริ่มหนาวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเลิก สักครู่ทุกคนเริ่มพ่นควันออกจากปาก หนาวจนเจ้าหน้าที่ต้องเริ่มเอาเสื้อหนาวมาแจกให้ผูโดยสาร เพราะมันหนาวจริงจัง อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
จากอาการลั้นลาไม่มีที่สิ้นสุดของเด็กไทย สักพักนางแรกเริ่มนิ่ง เพราะวิงเวียน นางที่สองเริ่มนิ่งตาม และนาวที่สามตามมาติดๆ อาการเมาไวกิ้งเริ่มแสดงอาการ เพราะเหตุว่ามันโยกตลอดเวลา เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา โต้คลื่นหน้าหลัง ดุจดังวินเซิร์ฟวิ่งอยู่
ไอ้ตอนแรกก็กะว่ามันคงพาไปนั่งเรือชิวๆ กว่าชั่วโมงผ่านไปมันยังไม่มีทีม่าว่าจะหันหัวเรือกลับ กระทั่งเรือได้มาอยู่ใต้สะพาน Öresund ที่เชื่อมระหว่างเดนมาร์กกับสวีเดน งามมากครับ ถ้าไม่ได้นั่งเรือมา เราคงไม่มีโอกาสเห็นสะพานในระยะใกล้ และมุมมองอย่างนี้
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เรือถึงจะเบนหัวกลับฝั่ง เอาเป็นว่ากว่าจะถึงฝั่ง เล่นเอาปวดน่อง เพราะต้องจิกเท้าตลอดเวลาเลยทีเดียว
No comments:
Post a Comment