ใครๆ เขาก็ว่ากันว่า เวลาจะรักษาให้จิตใจเราดีขึ้น และจิตใจเราจะหายเป็นปกติในวันหนึ่ง
แต่
เมื่อไหร่ล่ะ ที่มันจะดีขึ้นและหายเป็นปกติ 1 วัน 1 เดือน หรือ 1 ปี
หรือว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีทางหรอกที่บาดแผลในใจของคนเราจะหาย
สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อเสมอว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นในใจเรานั้น มันไม่มีวันที่จะหายไปหรอกหรือแม้แต่บาดแผลกาย
ขึ้นชื่อว่าแผล ก็คือแผล ต่อให้แผลนั้นหายแห้งสนิท จนตกสะเก็ด จนสะเก็ดหลุดไปแล้ว บาดแผลนั้นอาจหายไป หรือไม่ก็เลือนลางไปจนอาจมองไม่เห็นร่องรอยของบาดแผลนั้นเลย
กับคนทั่วไป อาจไม่รับรู้ถึงบาดแผลนั้นของเราเลย ทั้งด้วยสายตา และสัมผัส หากแต่ตัวเราล่ะ.......
สำหรับตัวเราเองนั้น หากมองไปยังตรงนั้นทีไร ความรู้สึกก็จะแปลบขึ้นมาทันใด แม้ว่าร่องรอยบาดแผลไม่เหลืออยู่แล้ว แต่ความรู้สึกในใจ ทำไมมันไม่ได้หายไปตามบาดแผลนั้นเลย
ครึ่งเดือนแล้วที่ฮ็อกกี้ จากผมไป เพื่อนหลายคนอาจแปลกใจว่าทำไมผมไม่เคยพูดคุยกับเพื่อนๆ ถึงฮ็อกกี้เลย หรือหลายคนอาจสงสัย ว่าทำไม่บางครั้งพูดถึงฮ็อกกี้กับผม แล้วผมเพียงแค่รับรู้แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยไป
สำหรับคำตอบนี้ สำหรับผม คือ บาดแผลนั้นมันยังไม่แห้งด้วยซ้ำ ดังนั้นอย่าไปคิดถึงขั้นของการไม่มีร่องรอยบาดแผลปรากฎให้เห็นเลย
บางคนอาจคิดว่าเรื่องราวบางเรื่องสามารถที่จะทำใจ และลืมได้ง่าย
จริงครับ ผมเห็นด้วย ว่าเราสามารถลืมเรื่องราวบางอย่างได้ง่าย แต่นั่นเป็นเพราะว่าคุณอยากจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นหรือเปล่า ?
สำหรับผมคนเราไม่สามารถลืมเรื่องราวอะไรได้หรอกครับ แต่บางครั้งเราจัดลำดับความสำคัญในชีวิตแล้ว เรื่องราวที่เป็นอดีตเหล่านั้นมันจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเรามากนัก เราเลยให้ลำดับความสำคัญของมันลดลงไปกว่าอย่างอื่น เลยดูเหมือนว่าเราลืมมันไป แต่เราลืมมันได้จริงหรือ ?
เวลาจึงไม่ได้ทำให้เราลืมเรื่องราวต่างๆ หรอก ครับ หากแต่เรื่องราวที่เข้ามาในชีวิตเราต่างหาก ที่เบียดบังเอาเวลาแห่งการคิดถึงนั้นไป จนทำให้เราชินชา จนถึงขั้นไม่ได้ฉุกคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นเลย.....
สำหรับผม ณ ปัจจุบัน ผมยังคงต้องปล่อยให้เรื่องราว ต่างๆ เข้ามาในชีวิตของผม เพื่ออย่างน้อย มันจะทำให้ผมไม่ได้มีเวลาไปนั่งคิดถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นมากนัก
เพราะสำหรับผมแล้ว เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม และผมรับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านั้นมันมิใช่ความทรงจำครับ แต่มันคือ "สัญญา"
No comments:
Post a Comment