เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเนี้ยะ ผมตั้งใจเต็มที่ว่าแหมวันนี้อากาศดี เดี๋ยววันนี้ออกไปเดินในเมืองเสียหน่อย แล้วก็ต้องลองแวะไปเดินดูของร้านขายของมือสองเสียหน่อย เพราะว่าไม่เคยได้ไปวันเสาร์มานานแล้ว
ถามว่า ทำไมไปร้านขายของมือสองถึงต้องไปวันเสาร์ด้วยเล่า?????
ประสบการณ์สอนผมมาครับ เนื่องด้วยจากว่าร้านขายของมือสองร้ายนี้น่ะ มันเป็นของบริจาค ร้านจะเปิด อังคาร-พฤหัสบดี และวันเสาร์ ดังนั้นทุกวันจันทร์ กับวันศุกร์ มันจะเป็นวันของเข้าร้านครับ ถ้าเราไปวันอังคาร หรือวันเสาร์เนี่ยะของมันจะเยอะ รวมทั้งคนก็เยอะด้วย
เสาร์นี้ ร้านเปิดเวลา 11 โมงก็กะว่าจะไปซักสิบโมงสี่สิบห้า
ผมเดินไปแถวร้านขายของมือสองประมาณเวลานั้นแหละ ก็ตกใจครับ เพราะว่าที่หน้าร้านมีผู้คนมายืนรอการเปิดของร้านเยอะมาก ตอนผมไปถึงมีประมาณ 50 ว่าคนได้ อากาศก็หนาวมาก ไปยืนพ่นควันเพื่อรอให้ร้านเปิด ผมก็เดินแทรกๆๆๆๆๆๆ เข้าไป สักพักคนก็เยอะขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ จนกว่าร้านจะเปิด เป็นร้อยครับ เป็นร้อย ออกันอยู่ที่หน้าร้าน
คนที่มาส่วนใหญ่จากการสังเกตุแล้วอายุส่วนใหญ่เกิน 50 บางรายอาจถึง 70 80 เดินกันมาทั้งสามขา (แบบพึ่งไม้เท่า) หกขา (แบบพึ่งคอกเดิน) แบบสี่ล้อสองขา (พึ่งรถเข็น) ทุกคนยืนดูที่หน้าร้าน ประหนึ่งมองเป้าหมาย ร้านเปิดแล้วละน่าจะมีการตบตีแย่งกัน
สำหรับผม หึหึ มีแต่คนอายุเยอะ ผมก็แบบโรคสงสารผู้สูงอายุ ก็เลยอาศัยช่วงใจอ่อน หลับหูหลับตาเบียดไปเป็นคิวที่ห้าของร้าน 5555+++ ดีนะว่าฟังคำค่าสวีดิชไม่ออก เลยยิ้มรับอย่างเดียว 5555++++
พอร้านเปิดเท่านั้น ต่างวิ่งกรูกันเข้าร้านแบบว่าลืมอายุกันเลยทีเดียว หึหึหึ ผ่านประตูก็คว้าตะกร้าแล้ววิ่งไปเป้าหมายกันสุดฤทธิ์ ไอ้ผมจะถ่ายรูปความอลเวงมาให้ดูก็ไม่ได้ เพราะดั๊นไปร่วมวงอลเวงกะเขาด้วย เข้ามาแล้วถอนตัวไม่ได้ เสียศักดิ์ศรีเจ้าพ่อช็อปปิ้ง (แหมอยู่เมืองไทยได้ข่าวว่าเคยแต่เดินสำเพ็ง หัวเม็ด พาหุรัด สะพานหัน บ้านหม้อ คลองถม อิอิ)
ว่าแล้วใจตอนนั้นไม่คิดอะไร คิดแต่ว่าเอาไงดีวางแผนอยู่ว่าจะวิ่งไปโซนไหนก่อน มาวันนี้กะจะดูกางเกงยีนส์ กระเป๋า โคมไฟ (อีกแล้ว!!!!!)
อารมณ์นั้น ถ้าไม่ไหวจริงๆ พ่ออยากจะใช้แม่ไม้มวยไทยเถรกวาดลาน เก็บไม้เท้าของบรรดาคู่แข่งสูงวัย เสียซะให้เรียบเลย
แต่พอร้านเปิดไม่มีอารมณ์คิดแล้ว รีบคว้าตะกร้าวิ่งปราดไปเลย ถือว่าจำนวนเท้าน้อยแต่ไวกว่า ไปโซนเสื้อผ้า กระเป๋าทันใด หากางเกงยีนส์ ไม่มีที่ชอบซักตัว มีลีวายส์สวยเชียว แต่พ่อเล่นมีติดเพชรด้วย โอ้ยไม่ไหว ประหนึ่งเอ ไชยา มิตรชัย มาเอง
จากนั้นเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปหากระเป๋า เอกสาร กระเป๋าเดินทาง สะดุดตากับกระเป๋าสองใบ เป็นกระเป๋าหนังขนาดกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ราคาต่างกัน ใบหนึ่ง 60 โครน(ประมาณ 250 บาท) อีกใบ 125 โครน (ประมาณ 550 บาท) ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะตอนนั้นชั่วโมงเร่งรีบ คว้ามันทั้งสองใบเลยถือมันไว้ก่อน เดี๋ยวบรรดาคุณปู่มาแย่ง
พอความเร็วของบรรดาคุณปู่คุณย่าลดลง เพราะเริ่มเหนื่อย ผมก็ค่อยๆ เอากระเป๋ามากางดูว่าสภาพเป็นอย่างไร อย่างไม่ต้องกลัวคุณปู่ คุณตามาแย่ง (เพราะกระเป๋ามันแบบว่าออกแนวโบราณนิดนุง ประมาณคุณตายังหนุ่ม เรโทรหน่อยๆ )
แล้วแล้วจนรอด ก็ได้ถอยกระเป๋าใบแพงมา เพราะว่าสภาพดีมาก มุมยังไม่ช้ำเลย ที่ล็อกรหัสยังใช้การได้ดี เอามาก่อน จะได้เอาไปใช้หรือปล่าวเดียวว่ากันอีกที (โอ้ววว โรคจิตบ้าซื้อของได้อีก) จากรูปแอบเห็นหน้อหุงข้าวด้วย เหอเหอเหอ
โอ้ยสรุปแล้วชีวิตที่นี่ของผมผ่อนคลายความเครียดได้โดยการซื้อของ(เก่า) จริงๆ เพราะอารมณ์ดีเดินกลับบ้านลืมหิวไปเลย ทั้งที่ยังไม่ได้กินทั้งข้าวเช้ากับข้าวกลางวัน หุหุหุ
No comments:
Post a Comment